แผนจัดสรรวัคซีนบริจาค ไฟเซอร์-แอสตร้าเซนเนก้า ใครบ้างที่จะได้รับการฉีด

11 ก.ค. 2564 | 10:54 น.

กรมควบคุมโรค เปิดแผนบริหารจัดการวัคซีนบริจาค ไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดสจากสหรัฐอเมริกา อเมริกา และ แอสตร้าเซนเนก้า 1.05 ล้านโดสจากญี่ปุ่น ใครที่จะได้รับการฉีด เช็คข้อมูลได้ที่นี่

หลังจากประเทศไทยได้รับบริจาควัคซีนไฟเซอร์จากประเทศสหรัฐอเมริกาจำนวน1.5 ล้านโดส และได้รับบริจาควัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าจากประเทศญี่ปุ่นจำนวน1.05 ล้านโดส เพื่อช่วยบรรเทาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ในประเทศไทย ทางกรมควบคุมโรคจึงได้เตรียมแนวทางการบริหารจัดการวัคซีนไฟเซอร์และแอสตร้าเซนเนก้าที่ได้มา


สำหรับแนวทางการบริหารจัดการวัคซีนไฟเซอร์ จำนวน 1.5 ล้านโดส จะฉีดให้กับ 4 กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่


 1.บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าที่ดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด 19 (Booster Dose จำนวน 1 เข็ม)

 
2.ผู้สูงอายุและกลุ่มผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรัง  


3.ชาวต่างชาติที่อาศัยในประเทศไทย เน้นผู้สูงอายุและโรคเรื้อรัง  


4.ผู้ที่มีความจำเป็นต้องฉีดวัคซีนไฟเซอร์ก่อนเดินทางไปต่างประเทศ เช่น นักเรียน นักศึกษา นักกีฬา นักการทูต

 
โดยจะฉีด 2 เข็มห่างกัน 3 สัปดาห์ ยกเว้นกรณีบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า Booster Dose 1 เข็ม ทั้งนี้ การจัดสรรวัคซีนให้บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า เข็ม 3 จะมีการพิจารณารายละเอียดเพิ่มเติมในการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ในวันจันทร์ที่ 12 ก.ค. 64 นี้
 

ส่วนแนวทางการบริหารจัดการวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า จำนวน 1.05 ล้านโดส นั้น จะฉีดให้กับ 3 กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่


 1.ผู้สูงอายุและกลุ่มผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรัง 


 2.ชาวต่างชาติที่อาศัยในประเทศไทย เน้นผู้สูงอายุและโรคเรื้อรัง 


 3.ผู้ที่มีความจำเป็นต้องฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าก่อนเดินทางไปต่างประเทศ เช่น นักเรียน นักศึกษา นักกีฬา นักการทูต เป็นต้น

แผนจัดสรรวัคซีนบริจาค ไฟเซอร์-แอสตร้าเซนเนก้า ใครบ้างที่จะได้รับการฉีด
นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า แผนการบริหารจัดการวัคซีนอาจมีการปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด 19 ขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารจากกระทรวงสาธารณสุขเป็นหลักเพื่อลดความสับสน 
 

นอกจากนั้นแล้ว ทางกรมฯได้เตรียมดำเนินการกระจายวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าไปยังพื้นที่เป้าหมายตามแนวทางที่ ศบค. กำหนด คือ พื้นที่ที่มีการระบาด และพื้นที่ที่เปิดให้ท่องเที่ยว โดยคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดจะเป็นผู้บริหารจัดการในพื้นที่ต่างจังหวัด ส่วนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จะบริหารจัดการผ่านโรงพยาบาล   ในพื้นที่ และกระทรวงการต่างประเทศจะเป็นผู้ประสานหลักในการฉีดวัคซีนให้กับชาวต่างชาติ