"โควิดระลอกสี่"หมอนิธิพัฒน์ชี้สายพันธุ์เดลตามาเร็วเคลมเร็วปอดอักเสบไว

06 ก.ค. 2564 | 02:06 น.

หมอนิธิพัฒน์เผยเหตุผลเรียกโควิด-19 ที่กำลังระบาดว่าระลอกสี่ ชี้สายพันธุ์เดลตาทำเกมเปลี่ยนมาเร็วเคลมเร็ว ติดต่อง่าย ทำให้ปอดอักเสบทั้งสามระยะเร็วกว่าสายพันธุ์เดิม 3-5 วัน

รายงานข่าวระบุว่า รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว (นิธิพัฒน์ เจียรกุล) โดยมีข้อความว่า  
เหตุผลที่ในความคิดเห็นส่วนตัวเรียกการระบาดปัจจุบันว่าระลอกสี่ อย่างน้อยก็ในกทม.และห้าจังหวัดเขตติดต่อ
1.สายพันธุ์ที่ทำให้เกมเปลี่ยน (game changer) คือ เดลตา ซึ่งมาเร็วเคลมเร็ว กล่าวคือติดต่อง่าย  อีกทั้งเมื่อเป็นแล้วเกิดปอดอักเสบทั้งสามระยะเร็วกว่าสายพันธุ์เดิม 3-5 วัน การตรวจเลือดในระยะแรกบางรายคล้ายมีหรือมีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย (high white blood cell count and procalcitonin) ส่วนจะดุกว่าสายพันธุ์เดิมหรือไม่ต้องรวบรวมข้อมูลให้มากกว่านี้
2.ผลจากข้อ 1. ทำให้มีการระบาดไปสู่วงที่สี่ได้เร็ว โดยเฉพาะเข้าสู่ครอบครัวหรือหน่วยงาน ทำให้มีผู้ป่วยเด็กและคนท้องมากกว่าก่อน มีการระบาดในโรงเรียน บริษัทห้างร้าน และสถานที่รวมกลุ่มคนอีกมากมาย
สืบเนื่องจากข้อสอง ตนได้ร่วมดูแลรักษาพระภิกษุสูงวัยจากวัดแห่งหนึ่งใน กทม. ท่านอาพาธด้วยปอดอักเสบโควิดรุนแรงจนต้องให้การรักษาด้วยเครื่องไฮโฟลว์ จากการสอบถามข้อมูลขั้นต้นไม่ทราบที่มาของการรับเชื้อ (การระบาดวงสี่) ขอบิณฑบาตฆราวาสทั้งหลาย หากเห็นแก่พระพุทธศาสนา โปรดงดกิจกรรมทางศาสนาและกิจนิมนต์นานาประเภททั้งในและนอกบริเวณวัด พร้อมช่วยกันจัดระบบอำนวยความสะดวกในการดำรงชีพของผู้ทรงศีลตามควรแก่อัตภาพ ฝากไปถึงหน่วยงานรัฐที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ร่วมดำเนินการด้วย 

ถ้าเรามองว่าการรับมือระลอกสี่ต่างจากระลอกสามอย่างไรบ้าง เริ่มจากต้องนำผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยเข้าสู่ระบบแต่เนิ่นๆ เพราะหากเกิดปอดอักเสบเร็วทิ้งไว้นานจะเกิดการสูญเสีย ตามมาด้วยต้องขยายศักยภาพการดูแลในทุกระดับความรุนแรงของผู้ป่วย เร่งขยายการแยกกักตัวที่บ้านถ้าไม่มีอาการถ้ามีความพร้อม รวมถึงการกักตัวที่บ้านเพื่อสังเกตอาการถ้ามีความเสี่ยงการติดเชื้อสูงแต่มีความเสี่ยงเกิดโรครุนแรงต่ำ ปรับระบบการดูแลผู้ป่วยในโรงพยาบาลให้คล่องตัวใช้เตียงอย่างมีประสิทธิภาพ และท้ายสุดปรับแผนการจัดหาและจัดสรรวัคซีนให้ทันสถานการณ์

รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล
พิจารณาเอกสารบันทึกการรายงานประชุมวัคซีน น่าจะเป็นเอกสารที่ผู้เข้าร่วมประชุมทำการบันทึกเพื่อไปรายงานผู้อื่นต่อ มีการบันทึกความเห็นที่แสดงในห้องประชุมด้วยถ้อยคำสรุปความของผู้บันทึก แต่ไม่มีเหตุผลรายรอบทั้งก่อนและหลังออกความเห็น ต้องให้รางวัลผู้ทำการบันทึกที่เก็บรายละเอียดไว้ทุกเม็ด แถมทำให้เจ้าของการประชุมสั่นสะเทือน แต่อย่างน้อยก็สะท้อนให้เห็นว่ามีผู้คิดเช่นนั้นจริง ต้องใจกว้างที่จะรับฟังความเห็นต่าง แม้มันดูจะไม่ค่อยเข้าท่าสักเท่าไร กาลเวลาและคนส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องพิสูจน์เอง
สำหรับการให้วัคซีนโควิดเข็มที่สามนั้น ข้อมูลในเชิงวิชาการมีแนวโน้มชี้ไปในทิศทางนั้น โดยเฉพาะกับวัคซีนที่เราจำเป็นต้องนำมาใช้ในช่วงแรกของการระดมฉีดเพื่อสกัดการสูญเสียขั้นต้น เมื่อถึงเวลาที่อาวุธซึ่งเคยได้ผลดีเริ่มมีประสิทธิภาพถดถอย ต้องยอมรับที่จะเตรียมอาวุธใหม่มาเสริม ซึ่งควรเป็นอาวุธต่างหมวด (วัคซีนคนละแพลตฟอร์ม) แต่ต้องไม่ลดทอนคุณค่าอาวุธที่เคยได้ผล และอาวุธเก่ายังจำเป็นในการใช้เพื่ออุดช่องโหว่หรือเสริมอาวุธใหม่ๆ ต้องยอมรับว่าเจ้าตัวเปลี่ยนเกมเดลต้าทำให้ตลาดวัคซีนกลับมาเป็นของผู้ขายอีกครั้ง ผู้ซื้อหลายรายจึงต้องรีบปรับตัว หวังว่าประเทศไทยจะตามทันและไม่ตกขบวน  

หมอนิธิพัฒน์ ระบุอีกว่า อานิสงส์จากการพาดพิงรั้วของชาติไปเมื่อวันก่อน ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวในส่วนงานที่รับผิดชอบ เจตนาไม่ได้มุ่งหวังให้เกิดผลทางลบแก่ใครหรือหน่วยงานใด ถือว่าเป็นการติเพื่อก่อ ผมเองไม่ได้มีส่วนร่วมในการพิจารณาการตัดสินใจร่วมกันของหลายฝ่ายในพื้นที่ ซึ่งอาจมีเหตุผลบางประการที่ไม่อาจเปิดสู่สาธารณะได้ แต่ในมุมมองของแพทย์และพยาบาลที่มองประโยชน์ของผู้ป่วยเป็นที่ตั้ง พวกเขาที่อ่อนล้ากับงานหนักก็คงมีเหตุผลในข้อเสนอ ปัญหาทุกอย่างน่าจะคลี่คลายไปได้หากพูดคุยกันด้วยเหตุผลและยึดถือหลักการผลดีต่อส่วนรวม ก็เหมือนเรื่องวิวาทะวัคซีนโควิดขณะนี้ หน่วยงานที่รับผิดชอบต้องทำการประชาสัมพันธ์เชิงรุกให้ประชาชนเข้าใจและสนับสนุนนโยบาย อย่าปล่อยให้คลุมเครือและนำไปสู่การแสวงหาข้อมูลจากแหล่งข่าวที่ไม่น่าเชื่อถือหรือมีเจตนาสร้างความสับสน
การพูดคุยแสดงความเห็นกันอย่างเสรีทางความคิดไม่มีการปิดกั้น เปิดใจรับฟังผู้เห็นต่างอย่างตั้งใจและนำมาใคร่ครวญ เป็นเรื่องที่พูดง่ายแต่ทำได้ยาก ผมเองพยายามทำมาตลอดชีวิตก็ยังรู้สึกว่าหาได้สมบูรณ์ไม่ 
สำหรับหมอนิธิพัฒน์นั้น เป็นบุคลกรทางการแพทย์ที่กล่าวถึงโควิดระลอกสี่ว่ากำลังเริ่มต้น และ "ฐานเศรษฐกิจ" ได้เคยนำเสนอไปก่อนหน้านี้ โดยระบุว่า
ข้อมูลจากการสุ่มตรวจเมื่อราวสิบวันก่อน ในศิริราชพบสายพันธุ์เดลต้าประมาณ 30% ถ้าถึงวันนี้น่าจะเกินครึ่งไปแล้ว สัปดาห์นี้จะลองส่งตรวจในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงดูว่าจะพบคิดเป็นสัดส่วนเท่าไร สายพันธุ์นี้นอกจากจะแพร่ได้ง่ายไปสู่ทั้งเด็ก คนท้อง และคนชรา ยังอาจจะเกิดปอดอักเสบได้เร็วและได้แรงกว่าสายพันธุ์เดิมๆ ที่เราคุ้นเคย 

นี่เป็นตัวแปรหนึ่งที่ทำให้เรียกการระบาดช่วงนี้เป็นระลอกสี่ และเป็นตัวชี้ขาดหนึ่งในความยากง่ายของการควบคุมโรคภายหลังเริ่มใช้มาตรการต่างๆ ที่เผยโฉมให้ชัดเจนวันนี้