WHO สนับสนุนไทยฉีดวัคซีน 50 ล้านคน ภายในสิ้นปี 64

02 มิ.ย. 2564 | 09:20 น.

องค์การอนามัยโลกสนับสนุน ‘แผนฉีดวัคซีนให้ประชากร 50 ล้านคนภายในสิ้นปี ของประเทศไทย เชื่อฟื้นเศรษฐกิจ ลดโอกาสไวรัสกลายพันธ์

ดร. ซุมยา สวามินาธาน หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ องค์การอนามัยโลก เปิดเผยว่า วัคซีนโควิด 19 ใช้ได้ผลดีและช่วยรักษาชีวิตของผู้คนทั่วโลกมาแล้วดังนั้นควรเข้ารับวัคซีนทันทีที่มีโอกาส  การศึกษาในปัจจุบันระบุว่าวัคซีนที่มีใช้อยู่ในขณะนี้ที่ผ่านการรับรองสำหรับการใช้แบบฉุกเฉินโดยองค์การอนามัยโลกหรือที่ได้รับการรับรองโดยสำนักงาน คณะกรรมการอาหารและยา ล้วนมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการป่วยหนักและการเสียชีวิตจากโรคโควิด 19 ทั้งจากสายพันธุ์ดั้งเดิมและเชื้อกลายพันธุ์ 

ทั้งนี้วัคซีนแอสตราเซเนกาที่จะใช้ในประเทศไทยนั้นใช้ได้ผลจริง สามารถป้องกันการป่วยหนักหรือเสียชีวิตจากโรคโควิด 19 ได้ โดยปัจุบันวัคซีนแอสตราเซเนกา จำนวนประมาณ500ล้านโดส ถูกจัดสรรไปยัง 170 ประเทศทั่วโลกเรียบร้อยแล้ว และมีรายงานว่าพบผลข้างเคียงจากวัคซีนแอสตราเซเนกา (รวมถึงภาวะลิ่มเลือดอุดตัน) มีโอกาสเกิดขึ้นแต่น้อยมาก 

โอกาสที่จะพบความเสี่ยงของการป่วย หนักหรือเสียชีวิตจากโรคโควิด 19 นั้นมีสูงกว่าการพบอาการข้างเคียงชนิดรุนแรงจากวัคซีนหลายเท่า ดังนั้นองค์การอนามัยโลกแนะนำให้ผู้ใหญ่ทุกคนเข้ารับวัคซีนแอสตราเซเนกาหากเป็นไปได้ 

และองค์การอนามัยโลกขอสนับสนุน ‘แผนฉีดวัคซีนให้ประชากร 50 ล้านคนภายในสิ้นปี’ ของประเทศไทย ตามแผนการฉีดวัคซีนให้ผู้ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยให้ได้จำนวนมากที่สุด ในขณะที่ยังปฏิบัติมาตรการทางสาธารณสุขอื่นๆ คือกลยุทธ์ดีที่สุดในการยับยั้งการแพร่ ระบาดของโรคโควิด 19 ในประเทศ

แผนการฉีดวัคซีนครั้งนี้เป็นความหวังอันดับหนึ่งในการทําให้เศรษฐกิจ (เช่น ภาคการท่องเที่ยว) ดีขึ้น และทำให้การเรียนและการทำงานกลับไปสู่สภาวะ ก่อนยุคโควิด 19 รวมทั้งการฉีดวัคซีนอย่างครอบคลุมจะช่วยลดความเสี่ยงของไวรัสกลายพันธุ์ในปัจจุบันและในอนาคต 

โดยผู้ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการป่วยหนักหรือเสียชีวิต ควรได้รับวัคซีนโดสแรกก่อนกลุ่มอื่น ควรมุ่งเน้นไปที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และผู้ที่อายุมากกว่า 60 ปี และผู้ที่มีโรคแทรกซ้อน เป็นลำดับแรก การป้องกันการป่วยหนักและการเสียชีวิตคือจุดมุ่งหมายที่สำคัญที่สุดของระบบสาธารณสุข  

วิธีนี้คือหนทางที่แน่นอนที่สุดที่สามารถยืนยันว่าบริการทางสุขภาพขั้นพื้นฐานสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยทุกคนจะยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่อง และเป็นหนทางที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพที่สุดในการควบคุมการแพร่ระบาด รวมถึงการเสริมสร้างความมั่นใจต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม 

ดังนั้นทุกคนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยและมีสิทธิ์รับวัคซีน ควรเข้ารับวัคซีนโควิด 19 ให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ หากพิจารณาจากทั่วโลก จะพบว่ายิ่งมีคนฉีดวัคซีนมากเท่าใด การระบาดของโรคโควิด 19 จะยิ่งลดน้อยลงเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าวัคซีนได้ผล 

แผนปัจจุบันของรัฐบาลที่กำหนดให้ฉีดวัคซีนแก่ผู้สูงอายุและผู้มีโรคแทรกซ้อนก่อนนั้นเป็นไปในทิศทางเดียวกับแนวปฏิบัติของทั่วโลก แต่แผนการ ดังกล่าวอาจจำเป็นที่จะต้องปรับเพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์การระบาดระลอกใหม่ รวมถึงภาวะขาดแคลนวัคซีนที่เกิดขึ้นทั่วโลกและในทุกประเทศ 

“ไวรัสที่ทําให้เกิดโรคโควิด 19 นั้นไม่แบ่งแยกเชื้อชาติและสัญชาติ การรับวัคซีนจะป้องกันคุณจากการป่วยหนักและเสียชีวิตจากโรคโควิด 19 การที่รัฐบาลไทยสามารถให้วัคซีนแก่ผู้ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยให้ได้จำนวนมากที่สุดได้รวดเร็วที่สุด จะลดจำนวนผู้ป่วยและเสียชีวิตจากโรคโควิด 19 ได้ อย่างรวดเร็ว และจะสามารถนําประเทศกลับสู่วิถีชีวิตแบบก่อนยุคโควิด 19 ได้ด้วย”

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :