“วชิรพยาบาล”ประกาศ เลื่อนฉีด”แอสตร้าเซนเนก้า”เข็มที่ 2

23 พ.ค. 2564 | 15:06 น.

คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล แจ้งเลื่อนฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเข็มที่ 2 ระหว่างวันที่ 25 พ.ค. - 4 มิ.ย. พร้อมระบุ เมื่อได้รับวัคซีนจะแจ้งให้ทราบต่อไป

 

เมื่อวันที่ 23 พ.ค.2564 คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล แจ้งว่า ผู้รับบริการที่มีนัดรับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเข็มที่ 2 ระหว่างวันที่ 25 พ.ค. - 4 มิ.ย.2564 ซึ่งเป็นผู้ได้รับการฉีดเข็มแรกไปเมื่อวันที่ 23 มี.ค. - 5 เม.ย.2564 โรงพยาบาลวชิรพยาบาล ขอเลื่อนวันรับวัคซีนออกไปก่อน โดยเมื่อได้รับวัคซีนมาทางโรงพยาบาลจะแจ้งให้ทราบต่อไป ทั้งนี้สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน VAJIRA COVID LINE โทร 022443949สำหรับการเลื่อนการฉีดวัคซีนเข็มที่2ออกไปประเมินว่าอาจเป็นเพราะแอสตร้าเซนเนก้า อาจกระจายไปฉีดในกลุ่มเร่งด่วนก่อน กลุ่มผู้สูงอายุและพื้นที่ที่มีการระบาดรุนแรง

  “วชิรพยาบาล”ประกาศ เลื่อนฉีด”แอสตร้าเซนเนก้า”เข็มที่ 2

ย้อนไปวันที่10พ.ค. ในวัคซีนที่มีอยู่ในประเทศไทย ล็อตพิเศษที่นำเข้ามาจากเกาหลีใต้ตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ.  มีจำนวน117,600 โดส (เป็นการนำเข้ามาในภาวะฉุกเฉินเพื่อช่วยเหลือประเทศไทย) กำหนดให้ฉีดในผู้สูงอายุเกิน 60 ปีขึ้นไปเป็นหลักนั้น ปัจจุบันเหลืออยู่ 10,716 โดสแบ่งเป็นเข็มที่สอง 470,054 ราย ซิโนแวค 470,054 เข็ม แอสตร้าเซนเนก้า 16 เข็มอย่างไรก็ตาม ปริมาณของวัคซีนซิโนแวค ยังเหลืออยู่มาก คือ 1,862,564 โดส ซึ่งคาดว่าบางส่วนอาจถูกนำมาฉีดให้ผู้สูงอายุเกิน 60 ปี หลัง แอสตร้าเซนเนก้า ใกล้หมดและต้องรอสยามไบโอไซเอนซ์ส่งมอบแอสตร้าเซนเนก้าที่ผลิตในประเทศในเดือนมิถุนายนนี้ ซึ่งยังไม่ทราบจำนวนแน่ชัด

ทั้งนี้ จากข้อมูลสรุปการให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของกระทรวงสาธารณสุข ประจำวันที่ 9 พ.ค. 64 (ฉีดตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. - 8 พ.ค. 64) โดยล่าสุดฉีดไปทั้งหมด 1,743,720 โดสแบ่งเป็นเข็มที่หนึ่ง 1,273,666 ราย ซิโนแวค 1,167,398 เข็ม แอสตร้าเซนเนก้า 106,268 เข็ม

ด้าน ประสิทธิภาพของวัคซีน ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความให้ความรู้เกี่ยวกับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ผ่านเฟซบุ๊ก Yong Poovorawan หลังจากทางศูนย์ได้ศึกษาภูมิต้านทานที่เกิดขึ้นหลังฉีดวัคซีน AstraZeneca (แอสตราเซเนกา) ในคนไทย หลังเข็มแรกเป็นระยะเวลา 1 เดือน จำนวน 61 คน เป็นการรายงานเบื้องต้นภูมิต้านทานที่ตรวจพบ มีการตอบสนอง ตรวจวัดภูมิต้านทานได้ถึงร้อยละ 96.7 เมื่อเปรียบเทียบกับการตรวจวัดภูมิต้านทานในผู้ป่วยที่หายจากการติดเชื้อเป็นระยะเวลา 4-8 สัปดาห์ ตรวจพบได้ร้อยละ 92.4 ดังแสดงในรูป

ระดับภูมิต้านทานที่ตรวจวัดได้ มีค่าตัวกลางเรขาคณิตเท่ากับ 40.61 u/ml เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ป่วยที่หายจากการติดเชื้อ มีค่าเท่ากับ 60.86 u/ml ดังแสดงในรูป พบว่าระดับภูมิต้านทานที่พบเพศหญิงจะให้ระดับภูมิต้านทานที่สูงกว่าเพศชาย อายุที่น้อยกว่า 60 ปีจะมีระดับภูมิต้านทานที่สูงกว่าผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปี

ขณะนี้กำลังรอวิเคราะห์ข้อมูลที่มีจำนวนมากขึ้นกว่านี้ และจะมีการตรวจเลือดหาภูมิต้านทานก่อนฉีดเข็มที่ 2 อีก 1 ครั้ง และหลังเข็ม 2 แล้ว 1 เดือน ภูมิต้านทานน่าจะมีระดับสูงมาก และอยู่นานจากข้อมูลดังกล่าวพอสรุปได้ว่า แม้จะฉีดวัคซีน AstraZeneca เพียงเข็มเดียว ระดับภูมิต้านทานที่ตรวจวัดได้ก็เป็นที่น่าพอใจมีอยู่ 1 ราย ที่ฉีดวัคซีน Sinovac เข็มแรกแล้วเกิดอาการแพ้ เลยฉีดเข็มที่ 2 ใน 3 อาทิตย์ต่อมา ด้วยวัคซีน AstraZeneca และตรวจเลือดเมื่อ 1 เดือนหลังฉีดวัคซีน AZ พบระดับภูมิต้านทานสูงมาก สูงถึง 241 u/ml อย่างไรก็ตามยังไม่มีการศึกษาการฉีดวัคซีนเปลี่ยนชนิดกัน

ในกรณีที่เกิดเหตุการฉีดวัคซีนต่างชนิดกัน ขอความกรุณาติดต่อผมขอตรวจภูมิต้านทานด้วย เพื่อเก็บเป็นข้อมูลและรวมถึงอาการข้างเคียงที่อยากทราบมาก และการเปลี่ยนชนิดของวัคซีนเป็นเรื่องที่น่าศึกษาอย่างยิ่งการปูพรมฉีดเข็มเดียวไปก่อนให้ได้ประชากรมากที่สุด ด้วยวัคซีน AstraZeneca จะได้ประโยชน์สูงสุดแล้วตามด้วยกระตุ้นอีก 10 ถึง 12 สัปดาห์ต่อมา หรือนานกว่านั้นหมายความว่าในช่วง 3 เดือนแรก น่าจะปูพรมการฉีดวัคซีนไปเลย ถ้าฉีดได้เดือนละ 10 ล้านคน ก็สามารถปูพรมไปได้ถึง 30 ล้านคนทีเดียว แล้วหลังจากนั้นก็ตามกระตุ้นรวมทั้งฉีดรายใหม่เพิ่มขึ้นด้วย ก็จะได้เป้าหมายอย่างรวดเร็ว และถ้ามีวัคซีนชนิดอื่นมาเสริมด้วยแล้ว จะทำให้การให้วัคซีนกับประชาชนหมู่มากประสบผลสำเร็จเร็วยิ่งขึ้น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง