>> นานแล้วที่ไม่ได้เห็นดัชนีหุ้นไทยขยับเข้าใกล้แนวต้าน 1,650 จุด มีสาเหตุจากการประท้วงรายวัน ที่งัดเอาทุกอย่างขุดขึ้นได้ออกมาประท้วง …เรื่องการกลับมาระบาดในรอบที่ 3 ของเชื้อไวรัสโควิด-19 และปัญหาเรื่องจัดหา-จัดการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งเมื่อการประท้วงรายวันไม่ค่อยมีให้เห็น ดัชนีหุ้นไทยจึงค่อยสามารถขยับขึ้นมาได้
มุมมองส่วนตัวของเจ๊เมาธ์...เจ๊คิดว่า ในความเป็นจริงดัชนีหุ้นไทยควรที่จะได้ข้ามแนวต้านนี้ไปได้ตั้งนานแล้ว เพราะไม่ว่าจะเป็นเรื่องปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศ หรืออัตราการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียนใหญ่ ปรับตัวดีขึ้นมา เพียงพอจะดันให้ดัชนีหุ้นไทยไปได้ไกลกว่านี้ ...เจ๊หวังว่า จะได้เห็นดัชนีหุ้นไปต่อได้เรื่อย ๆ ไม่สะดุดกับอะไรอีกแล้วนะคะ บอกตรงๆ ว่าเจ๊อยากเห็นดัชนี 1,800-2,000 จุดแล้วค่ะ
>> ฮ่าฮ่าฮ่า...เสียงหัวเราะร่วน ดังกังวาน ของอดีตบิ๊กโบรกเกอร์คนดัง ผู้ครํ่าหวอดในตลาดหุ้น ...เสียงหัวเราะร่วนกำลังถูกกลบด้วยเสียงซุบซิบ ลือกันให้แซ่ด ว่า สาเหตุที่ อดีตซีอีโอชื่อดัง ลาออกกะทันหัน หาใช่ต้องการปลดระวางการทำงานก่อนวัยเกษียณไม่
ว่ากันว่า อดีตซีอีโอ เข้าไปเกี่ยวข้องกับการซื้อขายหุ้นแบบบล็อกเทรด ขบวนการซื้อขายหุ้นผ่านบล็อก...ที่ไปรับโลว์หุ้นจากขบวนการนี้ บางกระแสว่า หุ้นที่รับวน สูงขึ้น ๆ จนลูกค้า 2 ราย “เบี้ยว” เป็นอาการเดียวกับโบรกเกอร์สัญชาติมาเลเซีย ก็โดนแบบเดียวกัน ลูกค้าเบี้ยว บริษัทเสียหาย
อดีตซีอีโอ จะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ แต่ผลลัพธ์ที่ออกมา สร้างความเสียหายให้กับโบรกเกอร์ยักษ์ใหญ่ของเมืองไทยแล้ว...เรื่องราวคงต้องสืบสาวราวเรื่อง ขุดลาก-ถอนโคน ขบวนการบล็อกเทรดให้สิ้นซาก
ไม่ว่ากระแสข่าวจะออกมาเป็นเช่นไร แต่คนในวงการต่างรับรู้กันว่า อดีตซีอีโอชื่อดังผู้นี้ มีคุณูปการในธุรกิจหลักทรัพย์ วาณิชธนกิจ ตราสารอนุพันธ์ และการพัฒนาธุรกิจในตลาดทุนไทยอย่างมากมาย แทบจะหาตัวจับยากแล้วในปัจจุบัน
อดีตซีอีโอผู้นี้มีส่วนสำคัญในการช่วยผลักดันให้โบรกเกอร์รายนี้ ก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในบริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำของอาเซียน และเป็นโบรกเกอร์อันดับหนึ่งของประเทศไทยติดต่อกันได้ถึง 16 ปี นับตั้งแต่ปี 2545 ถึง 2560 ชนะรางวัลเกียรติยศจากสถาบันต่างๆ มากมาย...ผลงานการันตี...เป็นคนที่ครบเครื่องของความเป็นคนในตลาดทุนที่น่าสนใจ...ไม่ช้านานสายลมแห่งตลาดเงินตลาดทุนจะดึงดูดให้อดีตซีอีโอผู้นี้หวนคืนยุทธภพแน่นอน
>> พอมีข่าวว่าบริษัทลูกของ JAS เตรียมจะเข้าไปเจรจากับ NT (บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ ที่เกิดจากการรวมตัวของ CAT กับ TOT) มันทำให้ราคาหุ้นของ JAS ที่ไม่ขยับมานาน เกิดอาการ “ดีด” ขึ้นมาทันที ราวกับว่า NT จะเอาเงินมาจ่ายให้ JAS ในวันนี้หรือพรุ่งนี้ซะยังงั้น
เอาเป็นว่า ถ้ามองในแง่ดี...หากเจรจาสำเร็จ JAS มีโอกาสบันทึกเงินสดจากรณีข้อพิพาท เรื่องการชำระส่วนแบ่งรายได้ตามสัญญาร่วมลงทุนสร้างโครงข่ายเคเบิลใต้นํ้า (ฝั่งตะวันออก)ประมาณ 4,500 ล้านบาท จากส่วนของยอดหนี้คงค้าง 2,500 ล้านบาท รวมกับดอกเบี้ยค้างจ่าย จนถึงสิ้นปี 2563 คิดเป็น 7.5% ต่อปี อีก 2,027 ล้านบาท ทั้งนี้คาดว่าขั้นตอนการเจรจาระหว่าง JAS กับ NT จะตกลงกันได้ภายในไตรมาส 2/64
แต่ในความเป็นจริง หาก TOT (ก่อนที่จะมาเป็น NT) คิดจะจ่ายเงินให้ JAS คงจ่ายมานานแล้ว ไม่จำเป็นต้องรอมานานถึง 10 ปี หรือไม่จำเป็นต้องรอให้ CAT กับ TOT รวมตัวกันเป็น NT เลยด้วยซ้ำ ดังนั้นเรื่องเงิน 4,500 ล้านบาท ที่ว่านี้ เจ๊เมาท์มองว่า เป็นเกมส์ดันราคาหุ้นของ JAS เท่านั้นเอง ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้แล้วจริงๆ
>> นับเวลาจากช่วงต้นปี ราคาหุ้นกลุ่มเดินเรืออย่าง RCL PSL และ TTA ขึ้นมามากกว่า 100% ...RCL วิ่งจากราคา 14.20 บาท ขึ้นมา 60 บาทมากกว่า 400% ขณะที่ PSL ขยับจาก 7.60 บาท ขึ้นมา 20 บาท คิดเป็นกว่า 200% และ TTA จาก 5.65 บาท ขึ้นมาเป็น 18 บาท คิดเป็นเกือบๆ 300% ด้วยเช่นกัน
เห็นราคาวิ่งแรงแบบนี้ อาจจะทำให้หลายคนกลัวว่า หุ้นกลุ่มนี้ยังจะไปต่อได้อีกหรือเปล่า เรื่องนี้เราแบ่งขั้นตอนการเปรียบเทียบออกมาเป็นสองส่วน ....ส่วนแรก คือค่าระวางเรือที่ปรับเพิ่มขึ้นมากตั้งแต่ช่วงปลายปี 63 จนถึงปัจจุบัน ส่วนเรื่องที่ 2 ผลการดำเนินงานของแต่ละบริษัท
เท่าที่เจ๊เมาธ์ได้เปิดดูแล้วก็เห็นว่า RCL น่าจะมีภาษีดีที่สุด รองลงมาก็เป็นทาง PSL และ TTA ตามลำดับ เอาเป็นว่าถ้าชอบตัวไหนก็เลือกดูได้นะคะ เพียงแต่จะเพิ่มเติมว่า...ราคาหุ้นมาไกลขนาดนี้ ใช้วิธีเล่นรอบทำกำไรน่าจะเหมาะสมกว่าเท่านั้นเองค่ะ
>> ในที่สุด “ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์” III ขายหุ้นบิ๊กล๊อต ให้บิ๊กเนม “สุระ คณิตทวีกุล” หรือ “โคตรเซียน -หมอพงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี” ไปเมื่อปลายเดือนที่แล้ว ก็เริ่มปรากฏผลให้เห็นโดยที่ไม่จำเป็นต้องรอดูผลการดำเนินงานอะไรทั้งสิ้น
ก็เป็นอย่างที่เจ๊เมาธ์เคยบอกเอาไว้ว่า การที่หุ้นมี “เจ้าประทับทรง” แบบนี้...มันต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ ...ส่วนอนาคต เจ๊เมาธ์ ยืนยันว่า III ไปต่อได้อีกไกลด้วยนะคะ อย่างแรกก็คือ ...เรื่องผลการดำเนินงานที่หุ้นในกลุ่มโลจิสติกส์ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงกอบโกยกำไร และผลการดำเนินงานแบบสุดๆ ส่วนเรื่องที่ 2 เป็นเรื่องที่มี “เจ้า” เข้ามาดูแลนั้นเองเจ้าค่ะ
>> นับถอยหลังได้แล้วค่ะ หุ้น SMD (เซนต์เมด ) “เครื่องช่วยหายใจ” ขวัญใจห้องฉุกเฉิน เป็นครุภัณฑ์ทางการแพทย์พื้นฐานที่ทุก รพ. ต้องใช้ช่วยชีวิตผู้ป่วยให้พ้นวิกฤติ กำลังจะระเบิดราคาซื้อขายวันที่ 17 มิ.ย.นี้ ...ว่ากันว่า โควิด-19 หนุนกำไรโตกระฉูด ...ตัวเลขกำไรเท่าไรเจ๊เมาธ์ ขอให้ติดตามกันนะค่ะ