เมื่อวิกฤติซ้อนวิกฤติ ปกคลุมประเทศ คนไทยจะไปทางไหนดี

13 พ.ค. 2564 | 04:30 น.

เมื่อวิกฤติซ้อนวิกฤติ ปกคลุมประเทศ คนไทยจะไปทางไหนดี : คอลัมน์ข้าพระบาททาสประชาชน ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3678 ระหว่างวันที่ 13-15 พ.ค.2564 โดย...ประพันธุ์ คูณมี

 

     สถานการณ์บ้านเมืองยามนี้ มีวิกฤติซ้อนวิกฤติเกิดขึ้นในหลายกรณี ทั้งหมดเกิดขึ้นมาพร้อมๆ กันอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประเทศไทย

     1.การเกิดโรคระบาดครั้งใหญ่ไปทั่วโลก จากไวรัสโควิด-19 เชื้อโรคร้ายที่คร่าชีวิตประชาชนขณะนี้ถึง 3.3 ล้านราย ยอดติดเชื้อสะสมถึง 159 ล้านราย โดยยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อไป โดยยังไม่ทราบได้ว่าจะหมดสิ้นและยุติลงได้เมื่อใด แม้จะค้นพบวัคซีนเพื่อฉีดป้องกันการแพร่ระบาดของโรคแล้วก็ตาม

     สำหรับประเทศไทย ยังคงตกอยู่ภายใต้ภาวะวิกฤตินี้เช่นเดียวกัน ไทยต้องเผชิญกับการระบาดของโรคร้ายครั้งนี้ถึง 3-4 ระลอก โดยเฉพาะภาวะในปัจจุบัน ดูจะหนักกว่าที่ผ่านๆ มา ตัวเลขล่าสุดเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2564 มีผู้ติดเชื้อสะสม 85,005 ราย เสียชีวิตรวม 421 ราย มีผู้ป่วยรักษาอยู่ในโรงพยาบาลถึง 29,376 ราย โดยในแต่ละวันมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เฉลี่ยวันละร่วม2,000 ราย ติดต่อกันทุกวัน มาเป็นเวลาหลายเดือน โดยไม่มีทีท่าว่าจะลดระดับลง ในจำนวนที่น่าจะคลายความกังวลได้ นี่คือวิกฤติร้ายแรงที่ปกคลุมประเทศมาร่วมปีกว่า ส่งผลกระทบต่อสภาพชีวิตความเป็นอยู่ สภาพเศรษฐกิจ สภาพทางสังคม และการประกอบอาชีพของประชาชนอย่างรุนแรงที่สุด

     2.วิกฤติศรัทธาต่อการเมือง การปกครองประเทศ ที่ประชาชนมีต่อรัฐบาลปัจจุบัน ปัญหาเรื่องนี้คงมิอาจปฏิเสธได้ว่า การยึดอำนาจของคณะ คสช.และดำเนินการร่างรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่ จัดให้มีการเลือกตั้ง จนสามารถทำให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา สามารถดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี ต่อเนื่องมาถึงปัจจุบันจนครบ 7 ปีนั้น แม้มีผลงานในการบริหารไม่น้อย แต่ก็สร้างความไม่พอใจและไม่เป็นที่ยอมรับของประชาชนจำนวนมาก ที่ต้องการให้บ้านเมืองกลับคืนสู่ความเป็นประชาธิปไตยเต็มใบ มิใช่อยู่ภายใต้ร่มเงาของอำนาจฝ่ายทหารและรัฐธรรมนูญที่มาจากการยึดอำนาจ การอยู่ในอำนาจเกินคำสัญญา จึงเกิดกระแสการต่อต้านรัฐบาลในปัจจุบัน เป็นวิกฤติที่ดำรงอยู่ตราบใดที่อำนาจยังอยู่ในมือรัฐบาล ที่ประชาชนเห็นว่าสืบทอดอำนาจมาจาก คสช.

     3. ความไม่เชื่อมั่นต่อนักการเมืองบางส่วน ที่มาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี และบุคลากรที่รัฐบาลเลือกมาทำงาน ถึงเรื่องความซื่อสัตย์ สุจริต และความมีจริยธรรม โดยเฉพาะผลของคำวินิจฉัยเรื่องคุณสมบัติของรัฐมนตรี ที่มีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด จนศาลต่างประเทศเคยพิพากษาว่ามีความผิดและถูกลงโทษมาก่อน แต่ยังกลับลอยนวล เป็นผู้มีอำนาจและทรงอิทธิพลทางการเมืองในรัฐบาล สร้างความไม่พอใจอย่างรุนแรงในหมู่ประชาชน และผู้รักความเป็นธรรม

     4. วิกฤติศรัทธาต่อศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระต่างๆ โดยเฉพาะ ป.ป.ช., กกต. ในเรื่องของความไม่ไว้วางใจของประชาชน ที่มีต่อองค์กรสำคัญเหล่านั้น ในการยึดหลักความยุติธรรม จริยธรรม ความโปร่งใส ความน่าเชื่อถือ และความเป็นอิสระปราศจากการแทรกแซง ซึ่งผลสำรวจและการศึกษาของสำนักวิจัยซูเปอร์โพล(SUPER POLL) พบว่าสอบตก ทำให้เกิดวิกฤติศรัทธาจากประชาชน  สั่นคลอนสังคม

     5. ความไม่พึงพอใจต่อการบริหารประเทศของรัฐบาล และคณะรัฐมนตรี โดยเฉพาะต่อตัวนายกรัฐมนตรี ในการเพิกเฉยต่อการจัดการกับรัฐมนตรีที่มีปัญหาเรื่องจริยธรรม หรือพฤติกรรมที่ทุจริตประพฤติมิชอบ และข้าราชการที่บกพร่อง ปล่อยปละละเลยในหน้าที่ หรือมีส่วนร่วมในการทุจริตประพฤติมิชอบ จนเป็นต้นเหตุให้เกิดการระบาดของโควิดระลอกใหม่ ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนเสียหาย ต้องมารับกรรมแทน หยุดงานปิดกิจการ ไม่สามารถประกอบอาชีพหารายได้ตามปกติ มาตรการของรัฐซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน ถูกต่อต้านดื้อแพ่ง ประชาชนไม่ให้ความร่วมมือ เสียงตำหนิด่าทอชี้นิ้วโทษไปที่เจ้าหน้าที่รัฐหนักยิ่งขึ้น แม้แต่การฉีดวัคคซีนก็มีปัญหาข้อกังขาว่า ช้า ไม่ทั่วถึง ไม่ให้ความร่วมมือที่จะฉีด นี่คือความสับสนในบ้านเมือง

     วิกฤติของบ้านเมืองที่มาพร้อมกับวิกฤติของโลก เป็นปัญหาที่แต่ละประเทศต้องเผชิญแตกต่างกันไป เมืองไทยจากที่เคยสงบนิ่ง ที่เราเคยรับมือกับวิกฤติโควิดมาได้ด้วยดี กำลังถูกสั่นคลอนด้วยปัญหาต่างๆ มากมาย จนกลายเป็นวิกฤติซ้อนวิกฤติดังกล่าว ประเทศที่รับมือกับปัญหาโควิดได้ดีที่สุดในโลกขณะนี้ คงมีเพียงประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ ที่ดูเหมือนจะรอดพ้นจากปัญหา และสามารถสะกัดโรคร้ายนี้ไว้ได้ จนประชาชนในประเทศสามารถใช้ชีวิตตามปกติเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ นี่คือแบบอย่างที่ประเทศไทยควรศึกษา

     แต่ในบ้านเมืองเรากลับยังตบตีดุด่า ตำหนิติเตียนโทษกันไปมาไม่จบสิ้น ผู้นำในยามวิกฤติยังไม่สามารถครองใจประชาชน ทำให้คนในชาติรวมกันเป็นหนึ่งเดียวได้ จึงเป็นปัญหาที่ไร้ทางออก เป็นปมใหญ่ที่ไม่รู้จะมีใครมาแก้ไขคลี่คลายลงได้

     เขียนระบายมาถึงตรงนี้ จึงเหมือนผู้สูงวัยที่บ่นและเหนื่อยหน่ายต่อปัญหาบ้านเมือง แต่สภาพการณ์ก็คือความจริงที่คนไทยทุกคนต้องเผชิญร่วมกัน เหมือนลงเรือลำเดียวกันในเรือที่ชื่อ "ประเทศไทย" ที่เริ่มเต็มไปด้วยรอยรั่ว เรือที่ปะผุมาแล้วหลายครั้ง โดยยังหาเรือลำใหม่ที่แข็งแกร่งทันสมัย วิ่งด้วยพลังสูงมาทดแทนมิได้ คนไทยจะช่วยกันขุดเรือ เจาะเรือ ด่าแต่กัปตันเรือ โทษคนที่นั่งร่วมในเรือ ตำหนิเจ้าหน้าที่เดินเรือ จนที่สุดเรือล่มตายไปด้วยกันทั้งลำ หรือจะช่วยกันวิดน้ำ อุดรอยรั่ว ร่วมมือกันแก้วิกฤติที่เผชิญอยู่เบื้องหน้าร่วมกัน

     นี่คือสิ่งที่เราต้องเลือก และเป็นความจำเป็นในทางเลือกที่เหลืออยู่น้อยเต็มทน โดยเฉพาะภายใต้ภาวะวิกฤติเช่นนี้ กัปตันเรือควรจะต้องแสดงภาวะความเป็นผู้นำที่ดี ต้องรับฟังปัญหาของคนในเรือให้จงหนัก อย่าทำเป็นหูทวนลม ทำตนซ้ำเติมวิกฤติสร้างปัญหาทำลายศรัทธาของคนในเรือ สิ่งใดที่ท่านสามารถจัดการได้และควรจัดการแก้ไขโดยเด็ดขาดด้วยความถูกต้องเป็นธรรม จึงไม่ควรลังเลและปล่อยปะละเลยให้คาราคาซัง หรือทำเป็นเมินเฉยด้านชา ลอยตัวอยู่เหนือปัญหา หมกปัญหาหรือโยนไปให้เป็นความรับผิดชอบของคนอื่น จนคนในเรือเอือมระอาและสุดจะทน เพราะท้ายที่สุดผู้ที่จะช่วยให้เรือไม่ล่ม และนำนาวาประเทศไทยให้รอดพ้นไปได้ก็คือ "กัปตันเรือประเทศไทย" นั่นเอง

     การนำพาประเทศออกจากวิกฤติให้ได้ในครั้งนี้ จึงเป็นเรื่องสำคัญและเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่ง ที่ประเทศไทยเคยเผชิญมา แม้ครั้งนี้ไม่ใช่ในภาวะสงครามโลก แต่มันก็คือ "สงครามโรค" ที่คนทั้งโลกต้องเผชิญกับศัตรูที่ร้ายกาจถึงชีวิต ที่เข้ามารบโจมตีโดยไม่มีอาวุธร้ายแรงทันสมัย แต่มันมีเชื้อโรคที่ร้ายแรงถึงตายได้ทุกเวลา เมื่อผนวกเข้ากับวิกฤติภายในประเทศทับซ้อนเข้ามา จึงมิอาจแก้ปัญได้ง่ายๆ เพียงเชิงเดียวชั้นเดียว แก้วิกฤติเรื่องหนึ่งก็ยังมีวิกฤติอีกหลายลูกที่ยังคงอยู่หรืออาจจะตามมาเป็นวิกฤติใหม่ ดังที่เห็นและเป็นอยู่

     เราเคยผ่านพ้นเหตุการณ์ไล่รัฐบาล โค่นล้มผู้มีอำนาจปกครองให้ออกไปมาแล้วหลายครั้ง ด้วยพลังสามัคคีของประชาชน เพราะคิดง่ายๆ ว่าไล่รัฐบาล โค่นอำนาจทหาร มีรัฐธรรมนูญ เลือกตั้งใหม่ได้รัฐบาลใหม่ บ้านเมืองก็จะดีเอง ซึ่งก็ได้พิสูจน์มาแล้วหลายครั้งว่าไม่เป็นความจริง "ไล่ผีไปก็ห่าลง" การจะหลุดพ้นจากวิกฤติครั้งนี้ คนไทยจึงต้องตั้งสติคิดเสียใหม่ให้ดีว่า ทางออกที่ดีที่สุดของสังคมไทย อะไรคือทางเลือกและคำตอบ ก่อนที่ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยเดิม

     ส่วนผู้เขียนคงคิดได้เพียงขอให้ "พระสยามเทวาธิราช จงปกป้องคุ้มครองประเทศไทย และประชาชนไทย ให้รอดพ้นวิกฤติครั้งนี้ด้วยเทอญ" ด้วยคิดและมีความหวังเช่นนั้นจริงๆ ครับ