ขุนนางในระบบฟิวดัล ศักดิ-นา และตำราการเปนอัศวิน (ตอน 3)
(ต่อจากตอน 2)
การณ์จะขอแทรกไว้ในที่นี้ว่า ควีน หรือพระราชินีนั้น ก็ควีนเหมือนกันแต่ไม่เหมือนกันอีก
ท่านสตรีผู้มีบรรดาศักดิ์ เช่น Dame of the British Empire มีฐานะบรรดาศักดิ์ = Sir ท่านเหล่านี้ได้ศักดิ์มาด้วยเอง อนึ่งสตรีภริยาท่านเซอร์ สามารถเรียกนำหน้าว่า Lady เปนกิตติคุณได้ด้วย ส่วน Squire เป็นคนติดสอยห้อยตามอัศวิน พวกนี้มีที่ดินให้คนเพาะปลูก (ลักษณะเป็นคหบดีพวกผู้ดีผู้ใหญ่ตามบ้านนอกที่รู้เรื่องราชสำนักมีความเข้าใจกลไกรัฐการดี)
ในขณะที่ Page เป็นคนรับใช้งานเบาๆ สวมเครื่องแบบ ทำหน้าที่เดินหนังสือเปิดประตู หรือ ถือของรุงรังเข้าขบวน ถ้าเปนเด็ก เรียก PAGE BOY ทำหน้าที่มหาดเล็กเด็กน้ำชา มีเหรียญตราเล็กๆประดับอก พอให้รู้ว่าเปนคนหลวงมีศักดิ์ติดตัวอยู่บ้าง Page boy นี้โดยมากทรงพระกรุณาเรียกหาเอาพระราชวงศ์เยาว์วัยที่มักยังไม่มียศ แต่มีศักดิ์อยู่ในสายเลือด_blue blooded มาใช้งาน
ดังได้เคยเล่าแล้วว่า เจ้าชายไมเคอล แห่งเคนท์ ตอนเด็กๆยังไม่มียศ ก็ใช้แต่ศักดิ์สายเลือดที่มี ถวายงานเปน page boy ต่อมาเมื่อจำเริญวัยขึ้น เคลื่อนที่ไปรับการศึกษา พัฒนาทักษะแล้วจึงได้มียศประกอบศักดิ์ของตนเองเปนอัศวินได้ต่อไป
ทีนี้ว่าเรื่องความเปนเลือดน้ำเงินนั้นหมายอย่างไร?
แต่ก่อนชะร่อนไรมา มนุษย์คอเคซอย ผมทองตัวขาวเปนเจ้าแห่งภาษา ยามไปไหนมาไหนจะใคร่รู้ว่าใครมีสายเลือดเดียวกันก็จะหงายฝ่ามือออกมาดูท่อนแขนข้างในว่าเส้นเลือดที่ปูดๆโปนๆอยู่ใต้ผิวหนังอันขาวว่องนั้นมันเปนเส้น vain เลือดดำ ที่ออกสีน้ำเงิน ยามเมื่อประกอบเข้ากับสีผิวอันจำเพาะนั้น (แน่นอนว่าการมิได้ออกตากแดดตากลมทำงานในท้องไร่นาสวนนั้นส่งผลต่อเม็ดสีแห่งผิวด้วย)
จึงเปนที่มาเรียกขานว่าเปนพวก “blue blood (ed)” พวกเดียวกัน แทนคำเปนนิยายๆว่า เลือดขัตติยา
เลยพาให้คนเชื่อมโยงไปว่าสีน้ำเงินนั้นเปนสีของฐานันดรกษัตริย์ นำไปใช้ต่างๆนานา แต่ทว่า ในอเมริกาซึ่งเปนแหล่งรวมของชนไม่เลือกชาติ กลับใช้และนิยมสีขาวว่าแทนความสูงส่งของชั้นชน และสีน้ำเงินแทนความลำบากและเหงื่อไหลไคลย้อยของฐานันดรแรงงาน ซึ่งแสดงออกมาในลักษณาการแห่งปกคอเสื้อว่า
พวก “white collar” ปกเสื้อขาว นั่งทำงานมือไม่เปื้อนคราบไคล อยู่ในสำนักงานอย่างธนาคาร อัยการ ศาล และนักบวช (โดยมากมีปกข้อมืออีก เรียก double cuffs ซึ่งมักเปนสีขาวเช่นกัน แม้ว่าตัวเสื้อจะไม่ใช่สีขาวก็ตาม)
พวก “blue collar” ปกเสื้อสีน้ำเงิน ยืนสุมทำงานอยู่ตามโรงงาน ใส่เอี๊ยมสีเดียวกันและมือเปรอะเลอะน้ำมันเครื่องจักรเครื่องยนต์อันเปนกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
ฝ่ายอเมริกันที่ปากว่าไม่มีหรอก ศักดินา คราวสงครามกลางเมืองฝ่ายเหนือฝ่ายใต้ก็ตีกันให้รึ่มไป ใครเปนผู้ประกอบวีรกรรมกล้าหาญก็ต้องมีกันบ้างหรอกเหรียญตรา เอาไว้เปนเครื่องบ่งฐานะแห่งตน ดูอย่าง ท่าน Robert Powell Scott ทหารอาสาฝ่านสมาพันธรัฐนั่นปะไร ภายใต้ดวงตาข้างเดียวนั้น ยังมีเหรียญตราติดเต็มสองฝั่งอก
และดูท่าจะว่าไป ดาราอเมริกันอย่าง เควิน สเปย์ซี่ ก็รับพระราชทานตราฝ่ายอังกฤษเปนอัศวินที่ KBE เหมือนกัน สำแดงความเปนอเมริกันด้วยเข็มหมุดรูปธงชาติมะริกันไขว้กันที่ปกเสื้อนอก
นายพลห้าดาว แม็คอาร์เธอร์ นั้นก็อย่าให้น้อยหน้าประดับเหรียญเคียนดาราสายสะพายอัศวินอังกฤษฝ่ายบาธเข้าเสียอีก
ในขณะที่ Knight Templar ทำหน้าที่ปกป้องคริสต์ศาสนิกชนที่ไปแสวงบุญยังเยรูซาเล็ม [อัศวินของคริสตจักร] อัศวินตระกูลอื่นก็มีอีกเช่น Knight of the Golden Fleece อัศวินแห่งขนแกะทองคำฝ่ายสเปญ, Knight of the Holy Sepulchre อัศวินเยรูซาเล็มแห่งสันตสำนัก, Knight of Seraphim อัศวินสวีเดนแห่งเซราฟีม, Knight of Orange อัศวินสีส้มแห่งเนเธอร์แลนด์ แตกต่างกันไป มีเครื่องยศสำรับและกฎกติกาละเอียดยุบยับ ท่านผู้สนใจสามารถศึกษาได้เอง
ข้าง Knight Errant เปนนักรบที่ขี่ม้าท่องไปเพื่อผจญภัยมีนิสัยใจคอกล้าหาญคอยช่วยเหลือผู้อื่น แรกทีเขาอาจทำไปเพื่อนาย (Lord) โดยหวังจะได้ที่ดินมาทำกินเองบ้างตามประสา แต่นานไปเมื่อเข้าใจกฎแห่งธรรมชาติและกาลเวลาว่ายศฐาน์เปนสิ่งอนิจจัง เขาจึงทำภารกิจนั้นๆไปด้วยหัวใจโดยและไม่ต้องการสังกัดหรืออิสริยาอาภรณ์ใดๆมาประดับกาย
(ตอนจบ)
นสพ.ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 หน้า 23 ฉบับที่ 3,647 วันที่ 24 - 27 มกราคม พ.ศ. 2564