หักหมอดู...ฟันธง“บิ๊กตู่” ไม่ยุบสภาปีนี้

05 ม.ค. 2563 | 09:00 น.

คอลัมน์ฐานโซไซตี ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3537 ระหว่างวันที่ 5-8 ม.ค.63 โดย... ว.เชิงดอย


หักหมอดู... 
ฟันธง“บิ๊กตู่” 
ไม่ยุบสภาปีนี้ 


          เปิดศักราชใหม่ 2563 ปีชวด  “ว.เชิงดอย” ขอสวัสดีปีใหม่แฟน ๆ “ฐานเศรษฐกิจ” และขออวยพรให้ทุกท่านทำงานด้วยความสุข ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ฟันฝ่าอุปสรรคต่าง ๆ ไปให้จงได้ ขอให้เป็นปี “หนูทอง” สำหรับทุกคน

          อ่าว... “หมอดูทำนายดวงเมือง” บอกว่าปีนี้ สถานการณ์ทางการเมืองจะรุนแรงถึงขั้นเกิดความขัดแย้งมีการยุบสภาเกิดขึ้น แต่สำหรับ “บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม มองว่า หมอดูก็คือหมอดู เป็นการทำนายจากสถิติ ไม่ดูถูกการทำนาย และเคารพการแสดงความเห็นตามหลักโหราศาสตร์ แต่สิ่งสำคัญอยู่ที่ใจ ถ้าทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต โปร่งใส ตรวจสอบได้ จะไม่ทำให้บ้านเมืองขัดแย้ง ก็ช่วยได้ แต่การทำนายอาจจะแรงไป ที่ว่าจะขัดแย้งถึงขั้นยุบสภา ขอให้ไปดูคำทำนายของหมอดูแต่ละคนที่ผ่านมา ว่ามีความแม่นยำมากน้อยเพียงใด อย่านำมาเป็นบรรทัดฐาน และให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าจริงหรือไม่

          ไม่แน่ใจว่า “หมอดูทำนายดวงเมือง” ที่ออกมาทำนายว่าจะมีการ “ยุบสภา” เกิดขึ้นเป็นใคร แต่สำหรับ “ว.เชิงดอย” ไม่เชื่อว่าจะมีการ “ยุบสภา” เกิดขึ้นในปีนี้ แต่กลับเชื่อว่า “รัฐบาลบิ๊กตู่” จะอยู่ยาวผ่านพ้นปีนี้ไปได้ เพราะปัจจัยภายนอกสภา โดยเฉพาะ “ม็อบพรรคอนาคตใหม่” คงจุดไม่ติด และไม่มีแรงทำอะไรสั่นสะเทือนรัฐบาลได้ ส่วนปัจจัยในสภามี 2 เหตุการณ์ที่จะเป็นตัวล้มรัฐบาลได้ ก็คือ การโหวตลงคะแนนร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ที่จะเข้าสู่การพิจารณาของสภาในวาระ 2-3 ระหว่างวันที่ 8-9 มกราคมนี้ และอีกเหตุการณ์คือ การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของพรรคร่วมฝ่ายค้านที่เตรียมยื่นซักฟอกภายในวันที่ 13-14 มกราคม และจะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจได้หลังวันที่ 25 มกราคม 

 

          ไม่ว่าจะเป็นการโหวตทั้งร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2563 และการโหวตอภิปรายไม่ไว้วางใจ “ว.เชิงดอย” ขอฟันธงไว้ ณ ที่นี้ว่า รัฐบาลจะผ่านการโหวตทั้ง 2 เรื่องไปได้อย่างสบาย เพราะอะไรน่ะหรือ? ก็เพราะสภาวการณ์ของรัฐบาลที่เคยอยู่ในสภาพ “เสียงปริ่มน้ำ” ขณะนี้อาจจะเรียกได้ว่า “รัฐบาลบิ๊กตู่” รอดพ้นวิกฤตการณ์เสียงปริ่มน้ำแล้ว เพราะความห่างระหว่างส.ส.ฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายค้านนับวันมีแต่จะมากขึ้น จากเดิมจำนวนเสียงส.ส.ฝ่ายรัฐบาลมี 252 เสียงจาก 18 พรรคการเมือง ขยับเพิ่มขึ้น เพราะได้ 4 เสียงจาก ส.ส.อนาคตใหม่ ที่ถูกขับออกจากพรรค ต่างก็จะเข้าร่วมกับพรรค “ขั้วรัฐบาล” นอกจากนี้ยังมีอีก 4 ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเศรษฐกิจใหม่ มนูญ สิวภิรย์รัตน์, ภาสกร เงินเจริญกุล, มารศรี ขจรเรืองโรจน์ และ สุภดิช อากาศฤกษ์ ก็ได้เข้ามาเติมจำนวนตัวเลขส.ส.ขั้วรัฐบาล ซึ่งเห็นได้จากการโหวตเรื่องสำคัญ ๆ ทั้ง 4 คน ก็มัก “ปันใจ” ช่วยรัฐบาลเสมอ

          ดังนั้น หากยึดตัวเลขเสียงรัฐบาลจากเดิม 254 เสียง ลดเหลือ 252 เสียง จากกรณี กรุงศรีวิไล สุทินเผือก หยุดปฏิบัติหน้าที่ และ พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ที่ถูกออกหมายจับ แต่ได้ 8 เสียงจาก 4 ส.ส.อนาคตใหม่ และ 4 ส.ส.เศรษฐกิจใหม่ เข้ามาเติมรวมเป็น  261 เสียง ขณะที่ฝ่ายค้านมี 236 เสียง มีความต่างกันถึง 25 เสียง ขณะที่ในอนาคตหากพรรคพลังประชารัฐสามารถได้ 2 เสียงของ กรุงศรีวิไล และ พ.ต.ท.ไวพจน์ กลับมา ก็จะทำให้ความห่างมีถึง 27 เสียง แถมในอนาคตหาก “อนาคตใหม่” ถูก “ยุบพรรค” ก็อาจมีเสียงส.ส.ที่ต้องหาพรรคสังกัดใหม่ ย้ายขั้วมาอยู่กับฝ่ายรัฐบาลอีกก็ได้ นี่แหละคือ “เหตุผล” ที่ทำไม “ว.เชิงดอย” ถึงกล้าฟันธงว่า ปีนี้จะไม่มีการ “ยุบสภา” เกิดขึ้น และฝ่ายค้านจะไม่สามารถทำอะไรรัฐบาลในสภาได้ 

 

          หันไปดูเรื่องการ “เลือกตั้งท้องถิ่น”  มีคำยืนยันออกมาจากปากของ “บิ๊กป๊อก-พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา” รมว.มหาดไทย แล้วว่า การเลือกตั้งจะมีขึ้นแน่ ๆ ภายในปีนี้ โดยกระทรวงมหาดไทยได้ให้องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นสำรวจจำนวนประชาชนที่สิ้นสุดไปตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา และต้องรีบดำเนินการในขั้นตอนต่อไปให้เรียบร้อยเพื่อจะประกาศในราชกิจจานุเบกษา ภายในเดือนมกราคมนี้ เพื่อประกาศให้ได้ตามหลักเกณฑ์ ส่วนในพื้นที่ใดมีจำนวนประชากรไม่ถึง 25 คน จะต้องไปรวมกับหมู่บ้านอื่นเพื่อประกาศเลือกตั้งต่อไป และในส่วนงานรับผิดชอบพื้นฐานของกระทรวงมหาดไทยที่ต้องทำคู่ขนานไป คือสำรวจจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งเพื่อให้ทันกับประกาศเลือกตั้ง ขณะที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็ต้องดูเรื่องระเบียบหลักเกณฑ์ต่าง ๆ และแบ่งเขตให้เสร็จสิ้น ซึ่งกระทรวงมหาดไทยจะดูในส่วนเรื่องของงบประมาณที่จะต้องนำเข้าที่ประชุม ครม.เพื่อพิจารณา และกำหนดวันเลือกตั้งต่อไป “ว.เชิงดอย”คาดว่าการเลือกตั้งท้องถิ่นจะเกิดขึ้นราวเดือน “กรกฎาคม” โดยเป็นการเลือกตั้ง “ผู้ว่าฯกทม.” ก่อน แล้วค่อยไปเลือกตั้งในระดับจังหวัดต่างๆ 

          เริ่มนับถอยหลังได้แล้วกับชะตาชีวิตของ “สรยุทธ  สุทัศนะจินดา” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไร่ส้ม จำกัด อดีตพิธีกรรายการเล่าข่าวชื่อดัง และพวก ว่าจะต้องไปใช้ชีวิตอยู่ใน “คุก” หรือไม่ จากคดีเบี้ยวค่าโฆษณา บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน)  จำนวนกว่า  138 ล้านบาท ซึ่งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้นัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ในวันที่ 21 มกราคมนี้ เวลา 10.00 น. คดีนี้ศาลอุทธรณ์ได้ยืนจำคุกจริงสรยุทธ โดยไม่รอลงอาญาเป็นเวลา 13 ปี 4 เดือน สรยุทธ จะได้ไปนอนในมุ้งสายบัวหรือไม่ เดี๋ยวได้รู้กัน...