The Blue Mansion ของ เฉิง ฟัต เจ๋อ - Rockefeller of the EAST

เมื่อราชสำนักอ้ายซินเจี๋ยหลอร่ำๆ จะล่มสลายขึงแนวรบสุดท้ายทานกำลังฝ่ายตะวันตก จักรพรรดินีม่ายซูสีไทเฮาเสด็จขึ้นว่าราชการหลังม่าน พยายามต่ออายุ มุมานะขยายเวลา เพื่อรักษาราชวงศ์ชิงท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงยังมีเยาวชนผู้สร้างตัวจากลำแข้งผู้หนึ่ง ออกเดินทางไปทั่วแคว้นแดนไกล สำเร็จผลแล้วประกาศความสำเร็จในชีวิตผ่าน บ้านอลังการงานสถาปัตยกรรม

เฉิง ฟัต เจ๋อ สำแดงความมั่งคั่งอย่างไทคูนที่มีรากผ่านคฤหาสน์เก๋งจีนลูกผสม (หนึ่งในหลายหลัง_หลายสถานที่) สีน้ำเงิน the blue mansion ใจกลางจอร์จทาวน์ หรือเรียกให้ถูก บนเกาะปริ้นซ์ ออฟ เวลล์_ปีนัง ก่อสร้างอย่างปราณีตสวยงาม ตรงตามหลักฮวงจุ้ย โดยใช้แรงงานช่างฝีมือสั่งตรงจากแผ่นดินใหญ่บันไดขึ้นชั้น 2 นับได้ 28 ขั้นลือกันว่าเปนเลขมงคล ค้าขายจะเจริญรุดหน้า ทำราชการเปนนายคน ราวและเสาเหล็กสั่งทำนำเข้าจากโรงเหล็กหล่อ McFarlanes เมือง Glasgow สกอตแลนด์ ไม่ใช่ช่างอาเมเนียนอพยพมานั่งเท่หล่ออยู่บนเกาะปีนังนี่เมื่อไร

อภิคฤหาสน์นี้มี ห้อง 38 หน้าต่าง 220 บันได 7 ลานแกรนิต 5 งานเหล็กหล่อ ไม้สักทอง งานกระเบื้องเคลือบ มูลค่าเกินสัณฐานประมาณ ลำพังงบบูรณะเมื่อ 10 ปีก่อนก็หมดไป ร่วมร้อยล้าน และได้รับการประกาศให้เปนมรดกทางวัฒนธรรมเอเชีย-แปซิฟิกจาก UNESCO เฉิงฟัตเจ๋อ เปนจีนแคะฮากกา มาจากกวางตุ้ง วัยเด็กลำบากไล่ต้อนเลี้ยงวัว ข้างบ้านเมืองก็เปนทุรยศ โดนสงครามฝิ่นประกบเข้าอีกให้ที่ฝืดเคืองอยู่แล้ว ยักลึกติดกัก ขยับไม่ได้ ต้องไปตายดาบหน้า_ลงเรือ มุ่งไปทิศอาคเนย์ลมสำเภาพัดเขามาถึงปัตตาเวีย_ ก็จาร์กาตา ในสมัยนี้ เริ่มเปนกุลีขนน้ำ สะสมสตางค์พอได้เเล้วขยับเปนเสมียนร้านชำ_เปนหลงจู๊ ฝึกฝนจนใช้ภาษานอกได้เก่ง ทั้งสมรสแล้วได้พ่อตาดีก็เหมือนปลาเล็กผ่านด่านสวรรค์กลายพันธุ์เปนปลามังกร ทำธุรกิจของตนเองรับซื้อสินค้าเกษตร กาแฟ ใบชา เลาะไปขายต่อที่เมดัน บนเกาะสุมาตรา เกษตรกรรู้จักกันดี คราวนี้ก็มีการปล่อยเงินกู้ ตามสูตร หยง-ล้ง-เเพ-เกี๊ยว และเก็งกำไรสินค้าในนาม commodity tradings ค่อยขยับไปสู่กิจการธนาคารในลำดับต่อมาราชสำนักแมนจู ตั้งเฉิงฟัตเจ๋อเปนกงสุลต่างพระเนตร มีถิ่นพำนัก base ณ ปีนังในระหว่างการยื้อแย่งแผ่อำนาจทางทะเลเครือฝรั่งจักรภพ เครือจีนภพเมื่อมะละกาเปนสมบัติที่ดัทช์ลากไป บริเตนใหญ่ลากมา ศูนย์กลางการค้าใหญ่ช่องแคบที่ทุกอำนาจรุมมาตั้งสร้างคือ เทมาเสก_ สิงคโปร์ เฉิงฟัตเจ๋อ ย้ายทำเนียบไปอยู่สิงคโปร์เกาะนั้นแม้ไม่ได้บากบั่น สอบบรรจุเปนจอหงวนถือใบปริญญาหราหรู เมื่อคราวมีรับสั่งเรียกหา ท่านกงสุลก็ใช้ประสบการณ์เคี่ยวกรำทางการค้าระหว่างประเทศนำเสนอแผนพัฒนาเศรษฐกิจแก่ราชสำนักแผ่นดินใหญ่ เหล่าพฤฒาเสนามาตย์สะกดอิจฉาร้องฮือฮา ค่าที่พวกตัวมัวเมากุมอำนาจเสพสุขอยู่บนหอคอยงาช้างไม่ได้สัมผัสสถานการณ์จริงจังปีนั้น_ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้ง เฉิงฟัตเจ๋อ เปนเสนาบดีเกษตร อุตสาหกรรม คมนาคม และเหมืองแร่แหม่_บูรณาการที 4 กระทรวง มีเขตว่าราชการจำเพาะมณฑลฟูเจี้ยน (ฮกเกี้ยน) และกวางตง (กวางตุ้ง)เท่านี้_ปลามังกรก็ติดปีกบิน_สิ้นวงศ์อ้ายซินเจี๋ยหลอ จักรพรรดิองค์สุดท้ายลงจากบัลลังก์มังกรเสด็จประทับอยู่ท่ามกลางสองเขา ข้างหนึ่งคือก๊กมินตั๋ง จะทำเสรีนิยม นำโดยครูใหญ่เจียงไคเช็ค อีกข้างคือพรรคประชาชน จะทำคอมมิวนิสต์ปลดแอก นำโดยครูน้อยเหมาเจ๋อตุงจังหวะอุตลุดน้ำยังไม่หายขุ่น ฝุ่นยังไม่หายจาง พรรคก๊กมินตั๋งได้อำนาจ ตั้งรัฐบาลสาธารณรัฐเฉิงฟัตเจ๋อ เข้าวงการเมือง รับแต่งตั้ง เปนสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ _อุเหม่_ บรรยากาศคุ้นๆ แถมพ่วงตำแหน่ง ประธานหอการค้าแห่งชาติจีนเปนที่ยอมรับทั่วไป บุกเบิกทำไร่องุ่นในซานตง โดยนำเข้าไวน์มาสเตอร์จากออสเตรเลียปรับปรุงพันธุ์และรส ทำเซฟเฮ้าส์ของ ดร.ซุนยัตเซ็น สำหรับการปฏิบัติการในปีนัง อุดหนุนการเมืองด้วยเงินและเสบียงยามความตายมาถึง รัฐบาลจีนส่งผู้แทนระดับสูงนำศพกลับไปฝังยังสุสานบ้านเกิดหอจดหมายเหตุได้รับคำสั่งให้จารึกชื่อและบันทึกประวัติชีวิตและผลงานเอาไว้แก่คนรุ่นหลัง ที่ปีนังยังมีถนนสายหนึ่งใช้นามของเขาเปนชื่อ

ด้วยวิถีต่อสู้เข้าสู่อำนาจและความมั่งคั่งเหมือนๆ กันกับกลุ่ม ร็อกกีเฟลเลอร์เฉิง ฟัต เจ๋อ จึงได้รับขนานนามร่วมตำนานร่วมยุคว่าเปนร็อกกีเฟลเลอร์แห่งโลกตะวันออก

ทว่า อนิจจา_ทายาทของพวกเขากลับมีเส้นทางชีวิตแตกต่างกันยามเมื่อสิ้นร่มเงาบิดา_ในขณะที่ค่ายฝรั่งผมทองร็อกกี้เฟลเลอร์รุ่นหลังๆยังโลดแล่นนาวากุมชะตาเศรษฐกิจ คฤหาสน์สีน้ำเงินอันโอฬาริกนี้นั้นกลับยืนงันโดดเดี่ยวเปิดเปนกึ่งสาธารณะและโรงแรมรอรับนักท่องเที่ยวจรเข้าทัศนาบรรยากาศของอดีตที่ไม่อาจหวลคืนกลับมาอีก

หน้า 22 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,533 วันที่ 22 - 25 ธันวาคม พ.ศ. 2562