จับตาท่าทีของ ECB เกี่ยวกับค่าเงินยูโรในสัปดาห์นี้

18 เม.ย. 2559 | 07:46 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจธนาคารทหารไทย   ออกบทวิเคราะห์ เรื่อง จับตาท่าทีของ ECB เกี่ยวกับค่าเงินยูโรในสัปดาห์นี้ขณะที่ค่าเงินบาทยังมีแนวโน้มแข็งค่า

- สำหรับสัปดาห์นี้ จับตาการประชุม ECB ในวันพฤหัส ในสัปดาห์นี้ ศูนย์วิเคราะห์ฯ มีความเห็นว่าการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะเป็นประเด็นที่ตลาดให้ความสนใจมากที่สุด โดย เราคาดว่า ECB จะมีมติ “คง” อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0% และ “คง” ปริมาณการซื้อสินทรัพย์ที่ 8 หมื่นล้านยูโรต่อเดือนในการ ประชุมวันพฤหัสนี้ นอกจากนี้ประธานธนาคารกลางยุโรปยังออกมาส่งสัญญาณว่าการใช้นโยบายการเงินมีข้อจำกัดและอาจต้องการ นโยบายการคลังเพิ่มเติมเพื่อมาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจยุโรป ด้านตัวเลขที่น่าสนใจอื่น ๆ ในสัปดาห์ ตัวเลขยอดสร้างบ้านใหม่ของสหรัฐฯ (Housing Starts) ในเดือนมีนาคมคาดว่าจะยังอยู่ในระดับ 1.16 ล้านหลัง ซึ่งถือว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐฯ ยังมีแนวโน้มสดใส

- จับตาท่าทีของ ECB เกี่ยวกับค่าเงินยูโรในสัปดาห์นี้ขณะที่ค่าเงินบาทยังมีแนวโน้มแข็งค่า ค่าเงินบาทแกว่งตัวแคบ ๆ ในช่วงสัปดาห์สงกรานต์ที่ผ่านมาโดยมีกรอบการซื้อขายอยู่ในช่วง 34.9-35.2 บาท/ดอลลาร์ ปัจจัยที่เป็นตัวแปรสำคัญในตลาดเงินภูมิภาคในสัปดาห์ที่ผ่านมาคือการที่ธนาคารกลางสิงคโปร์ผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมด้วยการปรับลง เป้าหมายการแข็งค่าของดอลลาร์สิงคโปร์ (USD/SGD NEER) ลงเหลือ 0% ส่งผลให้ค่าเงินในภูมิภาคอ่อนค่าลง สำหรับสัปดาห์นี้การ ประชุม ECB ในวันพฤหัสจะเป็นเหตุการณ์ที่ผู้ค้าในตลาดเงินจับตามองมากที่สุด แม้ว่า ECB อาจยัง “คง” ดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 0% อยู่ แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่ ECB อาจออกมาให้ความเห็นว่าค่าเงินยูโรแข็งค่าเกินไปเนื่องจากค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นถึงราว 5% ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาแม้ว่า ECB จะผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมแล้ว และสำหรับสัปดาห์นี้เราคาดว่าดอลลาร์สหรัฐจะซื้อขายในช่วง 34.9- 35.3 บาท ยูโรอยู่ที่ในช่วง 38.4-39.8 บาท และค่าเงินเยนอยู่ในช่วง 31-32 บาท/ร้อยเยน โดยค่าเงินบาทยังมีแนวโน้มแข็งค่าต่อไป

- ตลาดการเงินโลกที่ยังปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) และนักลงทุนจะยังเข้าซื้อเก็งกำไรตราสารหนี้ต่อไป อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ยังทรงตัวที่ระดับ 1.76% ในขณะที่บอนด์ยิลด์ไทยอายุ 10 ปีปรับตัวขึ้นจากระดับ 1.66% มาอยู่ที่ระดับ 1.72% หรือเพิ่มขึ้น 6bps เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน ซึ่งปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อบอนด์ยิลด์ไทยคือการที่กองทุนในประเทศเริ่มออกมาขายตราสารหนี้ระยะยาวที่มีราคาสูงและกลับไปถือบอนด์ระยะสั้นที่มีความเสี่ยงต่ำกว่าแต่ผลตอบแทนใกล้เคียงกัน แทน อย่างไรก็ตามเรายังคาดว่าตลาดการเงินโลกที่ยังปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) จะส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติยังคงรอซื้อบอนด์ไทยอยู่ จากความคาดหวังว่า กนง. จะต้องลดดอกเบี้ยลงในท้ายที่สุดอยู่ ในสัปดาห์นี้เราคาดว่าการประชุม ECB อาจเป็นปัจจัยที่จะสร้างความผันผวนในตลาด แม้บอนด์ยิลด์ในยุโรปจะอยู่ในระดับต่ำมาก แต่ถ้า ECB ยังไม่มีนโยบายที่จะหยุดการทำ QE เร็ว ๆ นี้ก็ยังมีโอกาสที่นักลงทุน จะยังเข้าซื้อเก็งกำไรตราสารหนี้ต่อไป และสำหรับสัปดาห์นี้ เราคาดว่ายิลด์พันธบัตรรัฐบาลไทยอายุ 10ปี จะอยู่ในช่วง 1.60-1.80%

ที่มา...ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจธนาคารทหารไทย