หวั่นพิษเศรษฐกิจกระทบรายได้ ตลาดหนังสือกำลังซื้อซบ

24 ก.พ. 2559 | 06:00 น.
นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์ฯ คาดการณ์ตลาดหนังสือสิ้นปีมียอดขายราว 400-600 ล้าน หวั่นเศรษฐกิจกระทบรายได้กำลังซื้อลดลง วอนภาครัฐปันงบหนุนสร้างห้องสมุด หนังสือใหม่แข่งอาเซียน

[caption id="attachment_32926" align="aligncenter" width="362"] นายจรัญ หอมเทียนทอง นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) นายจรัญ หอมเทียนทอง
นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT)[/caption]

นายจรัญ หอมเทียนทอง นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ปี 2559 คาดการณ์รายได้จากงานสัปดาห์หนังสือ ซึ่งจัดขึ้นปีละ 2 ครั้งรวมกว่า 400 - 600 ล้านบาท จากเดิมในปีก่อนมียอดรายได้อยู่ที่ 380 -400 ล้านบาท ทั้งคาดว่าในงานปีนี้ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 มีนาคม – 10 เมษายนนี้ จะมีผู้อ่านเข้างานไม่ต่ำกว่า 2.5 ล้านคน ทั้งเชื่อว่าแม้ภาพรวมเศรษฐกิจในปีนี้อาจจะไม่ดีและกระทบต่อภาพรวมของอุตสาหกรรมบ้าง แต่ผู้อ่านทั่วไปจะยังคงให้ความสำคัญกับการซื้อหนังสือเช่นเดิมแต่ในราคาที่ลดลง

“แม้ยอดการซื้อหนังสือต่อคนลดลงบ้าง จากที่เคยซื้อคนละประมาณ 5-10 เล่ม เหลือคนละ 3-6 เล่ม เพราะไตร่ตรองพิจารณามากขึ้น และจะซื้อเฉพาะเล่มที่ต้องการจริงๆ แต่ภาพรวมแล้วถือว่าประสบความสำเร็จตามความคาดหมายเมื่อมองจากสถานการณ์ปัจจุบัน เพราะคนอ่านหนังสือยังคงเหนียวแน่นสังเกตจากงานครั้งก่อนที่จำนวนนักอ่านและยอดขายหนังสือหลายสำนักพิมพ์เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด”

ทั้งนี้ประเภทของหนังสือที่จะได้รับความนิยมในงานสัปดาห์หนังสือครั้งนี้นั้น นอกจากการ์ตูนและนิยายภาพแล้ว หนังสือแนวความรู้ มีแนวโน้มมาแรงมากโดยเฉพาะสารคดีและประวัติศาสตร์ที่อ่านง่าย

ด้านภาพรวมตลาดหนังสือในไทยยังมีความกังวลอยู่มาก เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาในแถบประเทศอาเซียน เช่น เวียดนาม สิงคโปร์ และมาเลเซีย เป็นต้น เริ่มพัฒนาโครงการที่เกี่ยวข้องกับการอ่านเพิ่มขึ้นมาก อาทิ โครงการ Library 2020 ประเทศสิงคโปร์ โครงการโนเบล สาขาวรรณกรรม ประเทศมาเลเซีย เป็นต้น ขณะที่ประเทศไทยยังไม่มีหน่วยงานหรือองค์กรภาครัฐสนับสนุนอย่างจริงจัง อีกทั้งเมื่อเทียบปริมาณห้องสมุดในกลุ่มอาเซียน กับประเทศไทย ปัจจุบันไทยมีจำนวนน้อยกว่าประเทศต่างๆกว่า 50% ดังนั้นจึงอยากวอนภาครัฐให้เข้ามาช่วยสนับสนุนด้านการอ่านให้มากขึ้น

“ในฐานะองค์กรที่มีภารกิจสำคัญในการส่งเสริมการอ่านนั้น เล็งเห็นว่าหนังสือและการอ่านถือเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมสร้างประเทศอย่างมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เพราะคนถือเป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุดของการที่จะพัฒนาประเทศในทิศทางต่างๆ ถ้าคนในชาติอ่านมากขึ้นก็จะมีความรู้ ความคิด และวิจารณญาณในการพิจารณาประเด็นต่างๆ เพิ่มขึ้นเพื่อพัฒนาตัวเอง รวมถึงสามารถแข่งขันกับประเทศต่างๆได้อย่างเท่าเทียม ดังนั้นในขณะนี้เด็กไทยจำเป็นต้องอ่านหนังสือให้มากขึ้นเพื่อเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้ประเทศก้าวเดินได้อย่างมั่นคง”

ปัจจุบันสมาคมยังคงผลักดันโครงการ ๑ อ่าน ล้านตื่น อย่างต่อเนื่อง โดยเป็นโครงการซื้อหนังซื้อเพื่อบริจาค เพราะเห็นว่าหนังสือที่ถูกนำมาบริจาคไม่ตอบโจทย์เด็ก อีกทั้งห้องสมุดในสถานศึกษาต่างๆ มีหนังสือคุณภาพ ทันกับยุคสมัยน้อย โครงการจึงตั้งเพื่อหาหนังสือที่ดีมีคุณภาพตรงกับความต้องการของเด็ก

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,133 วันที่ 21 - 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559