นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานการประชุมคณะอนุกรรมการบูรณาการนโยบายพัฒนาภาคใต้และภาคใต้ชายแดนร่วมกับนายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานกลั่นกรองแผนงานโครงการ อ.ก.บ.ภ. ภาคใต้และภาคใต้ชายแดน ร่วมด้วย ซึ่งมีทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งสำนักงบประมาณสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติสำนักนายกรัฐมนตรี และผู้ตรวจราชการภาคใต้ โดยที่ประชุมได้มีมติ อนุมัติ คือ1.แผนงานโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการภาคใต้ จำนวน 87 โครงการ วงเงิน 10,226 ล้านบาท และแผนพัฒนาภาคใต้ชายแดน จำนวน 51 โครงการ วงเงิน 2,851 ล้านบาท ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 2.แผนพัฒนาจังหวัดและแผนพัฒนากลุ่มจังหวัด ทั้ง 14 จังหวัดและ 3 กลุ่มจังหวัด ในภาคใต้และภาคใต้ชายแดน
3.แผนปฏิบัติราชการประจำปีจังหวัดและกลุ่มจังหวัดในภาคใต้และภาคใต้ชายแดน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 วงเงินรวม 6,728 ล้านบาท
4.การขอโอนเปลี่ยนแปลงโครงการฯ ตามแผนปฏิบัติราชการ ของจังหวัดและกลุ่มจังหวัดในภาคใต้และภาคใต้ชายแดน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 จำนวน 5 โครงการมีเป้าหมายในการพัฒนาภาคใต้ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวคุณภาพชั้นนำของโลก และพัฒนาอุตสาหกรรมเกษตรของภาคใต้ อาทิ ยางพารา และปาล์มน้ำมัน อนุรักษ์และฟื้นฟู รวมทั้งบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างเป็นระบบ พัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้อย่างยั่งยืน และพัฒนาและสร้างความเข้มแข็งให้กับจังหวัดภาคใต้ชายแดน
ทั้งนี้ในแผนนั้นมีโครงการพัฒนาทั้งสิ้น 650 โครงการ ที่ประชุมได้กลั่นกรองเห็นชอบเพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการบูรณาการนโยบายพัฒนาภาค (ก.บ.ภ).ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานเพื่อขอพิจารณาอนุมัติอีกครั้งในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 ซึ่งนายจุรินทร์มอบหมายนายนิพนธ์ในฐานะเป็นประธานคณะทำงานกลั่นกรองแผนงานโครงการ อ.ก.บ.ภ. ภาคใต้และภาคใต้ชายแดนไปติดตามการประชุมพิจารณากลั่นกรองแผนปฏิบัติราชการประจำปีจังหวัดและกลุ่มจังหวัดภาคใต้ทุกกลุ่มด้วยตนเอง ทั้งภาคใต้ชายแดน ภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย ภาคใต้ฝั่งอันดามัน ซึ่งเป็นการไปดำเนินการตามแผนงานร่วมกับทุกภาคส่วนในพื้นที่เพื่อการจัดทำโครงการขอรับการสนับสนุนงบประมาณประจำปี พ.ศ.2565 โดยวางหลักในเรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากฐาน การสร้างงานสร้างรายได้ให้แก่พี่น้องประชาชนที่สอดคล้องกับบริบทของแต่ละพื้นที่ ทั้งภาคการเกษตร ภาคการท่องเที่ยว เพื่อให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศเกิดความเข้มแข็งจากระดับล่าง ประชาชนพึ่งพาตนเองได้