“บีโอไอ” เผยคำขอส่งเสริมลงทุน 9 เดือน 2.23 แสนล้าน

04 พ.ย. 2563 | 07:35 น.

“บีโอไอ” เผยคำขอส่งเสริมลงทุน 9 เดือน 2.23 แสนล้าน อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ เกษตรแปรรูป ยานยนต์ การแพทย์ มูลค่าลงทุนสูง

นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ “บีโอไอ” (BOI) เปิดเผยถึง ภาวะการส่งเสริมการลงทุนช่วง 9 เดือนของปี 2563 (มกราคม-กันยายน) ว่า มียอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนรวมทั้งสิ้น 1,098 โครงการ เพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีจำนวน 1,088 โครงการ โดยมีมูลค่าเงินลงทุนรวม 2.23 แสนล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 15% ที่มีมูลค่ารวม 2.62 แสนล้านบาท

สำหรับยอดขอรับส่งเสริมการลงทุนส่วนใหญ่ 58% ของมูลค่าคำขอรับการส่งเสริมอยู่ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยมีจำนวน 556 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 1.28 แสนล้านบาท โดยอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ มีมูลค่าเงินลงทุนสูงสุด 3.75 หมื่นล้านบาท ตามด้วยอุตสาหกรรมเกษตรและแปรรูปอาหาร 2.68 หมื่นล้านบาท  อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน 1.99 หมื่นล้านบาท และอุตสาหกรรมการแพทย์ 1.47 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ คำขอรับส่งเสริมการลงทุนในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา อุตสาหกรรมการแพทย์ยังคงมีจำนวนโครงการและมูลค่าขอรับส่งเสริมการลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยมีจำนวน 65 โครงการ เพิ่มขึ้น 132% มีมูลค่าเงินลงทุนรวม 1.47 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 75% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

“บีโอไอ” เผยคำขอส่งเสริมลงทุน 9 เดือน 2.23 แสนล้าน

“การแพร่ระบาดของโควิด-19 (Covid-19) แม้จะส่งผลกระทบต่อการลงทุนโดยรวม แต่ในบางอุตสาหกรรมมียอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการแพทย์ ตอกย้ำศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ในภูมิภาค”

ด้านการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในช่วง 9 เดือน มีโครงการยื่นขอรับการส่งเสริม จำนวน 657 โครงการ ลดลง 1% โดยมีมูลค่าเงินลงทุนรวม 1.18 แสนล้านบาท ลดลง 29% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยประเทศญี่ปุ่น มีการลงทุนสูงสุดเป็นอันดับ 1 จำนวน 139 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 3.75 หมื่นล้านบาท ตามด้วยจีน จำนวน 129 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 2.12 หมื่นล้านบาท และเนเธอร์แลนด์ จำนวน 62 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 1.75 หมื่นล้านบาท

นางสาวดวงใจ กล่าวต่อไปอีกว่า คำขอรับการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่อีอีซี มีจำนวน 313 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 1.09 แสนล้านบาท แบ่งเป็นจังหวัดชลบุรี 165 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 4.68 หมื่นล้านบาท จังหวัดระยอง 112 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 4.83 หมื่นล้านบาท และจังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน 36 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 1.42 หมื่นล้านบาท

นอกจากนี้ การขอรับการส่งเสริมการลงทุนตามมาตรการพิเศษ ได้แก่ มาตรการส่งเสริมเอสเอ็มอี "SMEs" ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา มีคำขอรับส่งเสริมการลงทุนจำนวน 54 โครงการ เพิ่มขึ้น 38% เงินลงทุน 2.24 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 15% และมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต มีคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนจำนวน 138 โครงการ เพิ่มขึ้น 23% เงินลงทุน 1.51 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% แสดงให้เห็นว่าภายใต้สถานการณ์วิกฤตที่เกิดขึ้นผู้ประกอบการยังคงมีการลงทุนในการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตเพื่อเตรียมองค์กรให้พร้อมรับกับการฟื้นตัวในอนาคตและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน