นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงประเด็นเรื่องสถานการณ์การเมืองต่อผลกระทบทางด้านการลงทุน ว่า สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศไทยไม่ใช่เพิ่งเคยเกิดขึ้น แต่ก็เกิดขึ้นมาโดยตลอด เพราะฉะนั้นนักลงทุนโดยเฉพาะจากประเทศญี่ปุ่นจะมีความคุ้นชินกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเชื่อว่าอาจจะส่งผลต่อการลงทุนให้ถดถอยในระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น แต่ประเด็นที่สำคัญและน่าเป็นห่วงมากกว่าคือการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 (Covid-19) ซึ่งส่งผลทำให้ภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกได้รับผลกระทบ และเกิดการชะลอตัวลงไปบ้าง ดังนั้น เชื่อว่าประเด็นเรื่องการเมืองไม่น่าจะเป็นปัจจัยสำคัญมากนักต่อการลงทุน
ส่วนประเด็นเรื่องควรจะมีการเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้กับนักลงทุนเพิ่มขึ้นหรือไม่จากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ (BOI) เพื่อดึงดูดการลงทุน เท่าที่ได้หารือกับนักลงทุนจำนวนมาก พบว่าส่วนใหญ่มีความพึงพอใจกับสิทธิประโยชน์ที่ได้รับในปัจจุบัน เพียงแต่ว่าหากสถานการณ์เรื่องโควิด-19 หมดไป ทุกอย่างก็น่าจะเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น
“ที่ผ่านมาสมัยที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีทางด้านเศรษฐกิจ ได้มีการดำเนินการชักชวนนักลงทุนจากประเทศต่างๆ ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมาก โดยจะเห็นได้จากตัวเลขของการขอส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่เนื่องจากมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปัจจุบัน ส่งผลให้การลงทุนเกิดการชะลอตัว”
ทั้งนี้ เชื่อว่าหลังจากที่สถานการณ์ดังกล่าวคลี่คลาย นักลงทุนสามารถเดินทางเข้า-ออกประเทศได้อย่างสะดวก น่าจะได้เห็นการตอกเสาเข็มในการสร้างโรงงาน โดยเฉพาะในพื้นที่โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี (EEC) ซึ่งรัฐบาลได้มีการเตรียมการเรื่องโครงสร้างพื้นฐานต่างๆให้พร้อม ทั้งระบบการขนส่ง ท่าเรือ และสถานที่ตั้งซึ่งเป็นจุดภูมิศาสตร์ที่สามารถเชื่อมโยงประเทศต่างๆในภูมิภาค เช่น CLMV เป็นต้น ดังนั้น การลงทุนในอีอีซีก็น่าจะเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมแน่นอน
ส่วนภาวการณ์ลงทุนปี 64 จะเป็นไปในทิศทางใดนั้น ปัจจัยสำคัญคือหากมีวัคซีนในช่วงกลางปีหน้า การลงทุนก็น่าจะกลับมาตั้งแต่ปลายปีหน้า แต่การที่รัฐบาลประเมินแล้วว่าภาคเศรษฐกิจพ้นจุดต่ำสุดไปแล้วตั้งแต่ไตรมาส 2/63 ซึ่งตัวเลขการชะลอตัวมีอัตราที่ลดลง และการส่งออกเริ่มดีขึ้น ก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีขึ้น