ผู้รับเหมา บี้รฟม. แก้เกณฑ์ ประมูลรถไฟฟ้า "สายสีส้ม" เอื้อใคร?

29 ก.ย. 2563 | 03:52 น.

วงการผู้รับเหมาตีแสกหน้า รฟม.ปรับเกณฑ์ประเมินร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม 1.4 แสนล้าน เอื้อผลประโยชน์ใคร  ชี้หากเป็นรูปแบบที่ดีที่สุด ยังประโยชน์แก่รัฐและประเทศสูงสุดจริง เหตุใดถึงเพิ่งละเมอตื่นลุกขึ้นมาดำเนินการ กับโครงการนี้ ทั้งที่ประมูลสัมปทานรถไฟฟ้าให้เอกชน อยู่บนบรรทัดฐานเดิมมาเป็นสิบโครงการ

 

 

หลังฝ่ายบริหาร การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ออกมายืนยันการปรับปรุงวิธีการประเมินข้อเสนอการร่วมลงทุนในโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ มีนบุรี (สุวินทวงศ์) มูลค่ากว่า 1.4 แสนล้านบาทว่า ได้ดำเนินตามกรอบกฏหมายตามมาตรา 36 แห่งพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562  ในการพิจารณาปรับปรุงวิธีการประเมินข้อเสนอการร่วมลงทุนแล้ว เพราะคณะกรรมการฯตามมาตรา 36 ได้มีมติเห็นชอบกับข้อเสนอปรับปรุงวิธีการประเมิน จากรูปแบบเดิม มาเป็นรูปแบบการพิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิคควบคู่กับด้านราคา และยังยืนยันอีกว่า  การปรับปรุงวิธีการประเมินข้อเสนอการร่วมลงทุนในครั้งนี้เป็นประโยชน์สูงสุดแก่รัฐ

 

เนื่องจาก โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มฯ เป็นโครงการร่วมลงทุนขนาดใหญ่ โดยเฉพาะโครงการฯส่วนตะวันตก ซึ่งต้องใช้เทคนิคการก่อสร้างที่มีความซับซ้อน เนื่องจากเป็นการดำเนินงานก่อสร้างใต้ดินทั้งหมด   ต้องก่อสร้างอุโมงค์ลอดแม่น้ำเจ้าพระยา รวมถึงการเดินรถไฟฟ้าที่ต้องการมาตรฐานความปลอดภัยชั้นสูง ดังนั้น ผลประโยชน์ที่รัฐและประชาชนผู้ใช้บริการจะได้รับจึงขึ้นกับคุณภาพ เทคนิค และประสิทธิภาพในการดำเนินงานของเอกชนเป็นสำคัญ มิได้มีเพียงแต่ผลประโยชน์ทางการเงินเท่านั้น

 

แหล่งข่าวในวงการผู้รับเหมา เปิดเผยว่า สิ่งที่ฝ่ายบริหาร รฟม.ออกมาระบุล่าสุดนั้น  เป็นเครื่องสะท้อนให้เห็นความตกต่ำขององค์กร และยิ่งตอกย้ำให้เห็นความไม่ชอบมาพากลของการดำเนินโครงการนี้หนักเข้าไปอีก  หากสิ่งที่ฝ่ายบริหารรฟม.ชี้แจงมา คือเหตุผลความจำเป็นที่รฟม.จะต้องดำเนินการให้ได้ ก็คงต้องย้อนถามกลับไปยังฝ่ายบริหารรฟม.ด้วยว่า  1.ที่ผ่านมามีโครงการประมูลเมกะโปรเจ็กต์ใดของรัฐ หรือของรฟม.ที่ดำเนินการในลักษณะนี้บ้าง2. หากการปรับปรุง เกณฑ์ประเมินดังกล่าว ไม่มี "วาระซ่อนเร้น" ใดๆ แล้ว เหตุใด รฟม.ถึงต้องลุกขึ้นมาปรับเปลี่ยนเอากับโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มเพียงโครงการเดียว ในเมื่อพื้นฐานการประมูลโครงการดังกล่าว ตั้งอยู่บนบรรทัดฐานเดียวกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีอื่นๆ ของรัฐและ รฟม.เอง

 

3.หากเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประชาชนและรฟม.แล้ว เหตุใดที่ผ่านมา คณะกรรมการ ตามพรบ.ร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน ฯ และบอร์ดรฟม .จึงไม่ดำเนินการปรับปรุงเกณฑ์ประมูลในลักษณะเช่นนี้กับโครงการรถไฟฟ้า สายอื่นๆ ของรฟม. บ้าง เหตุใดจึงปล่อยให้มีการประมูล ในรูปแบบเดิมกันไปนับ 10 โครงการ และเพิ่งจะมาคิดได้ว่าการปรับปรุงเงื่อนไขการพิจารณารูปแบบล่าสุดนั้นดีที่สุด

 

 

 

อีกทั้ง หากการปรับปรุงหลักเกณฑ์การประมูลครั้งนี้ คือสิ่งที่ถูกต้อง เป็นความจำเป็นอันยิ่งยวดที่จะต้องดำเนินการให้จงได้ ก็เป็นเครื่องสะท้อนให้เห็นว่า การประมูลสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ ของรฟม.ที่ผ่านมา ล้วนแต่ทำให้ รัฐและประเทศชาติสูญเสียประโยชน์ เพราะต่างดำเนินการประมูลกันไปบนบรรทัดฐานที่ไม่ได้มีการประเมินตามหลักเกณฑ์ล่าสุดนี้

" สิ่งที่ฝ่ายบริหารรฟม. ออกมาแถลงล่าสุดนั้น หากต้องไปชี้แจงต่อศาลปกครอง รวมทั้งหน่วยงานตรวจสอบอื่นๆ ที่จะกลายเป็น หอกข้างแคร่ ที่ทำให้ฝ่ายบริหารรฟม.เองจนแต้มในที่สุด เพราะยิ่งแพงก็ยิ่งเข้าเนื้อประจานความไม่เอาถ่านขององค์กร ก็คงเพราะเหตุนี้ในทันทีที่ฝ่ายบริหารรฟม.ออกมายืนยัน ถึงการปรับปรุงเกณฑ์ ประเมินชี้ขาดโครงการดังกล่าว  ล่าสุดนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการองค์กรพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ถึงได้ออกโรงเตรียมยื่นเรื่องต่อ ดีเอสไอ(DSI) เพื่อเอาผิดกับ คณะกรรมการตามทาตรา 36 และบอร์ด รฟม.ยกกระบิ ซึ่งจะทำให้เส้นทางการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มแทนจะราบรื่น กลับส่อเผชิญวิบากกรรมจนไม่สามารถดำเนินการได้สำเร็จตามเป้าหมาย"

 

 

 

หากถึงที่สุดแล้ว โครงการนี้ต้องถูกกระตุกเบรค  จนถึงขั้นไม่สามารถดำเนินการประมูลได้ตาม "ไทม์ไลน์"ที่วางไว้ จนทำให้ประชาชนคนกรุงต้องสูญเสียโอกาสทางเศรษฐกิจไป ไม่รู้ว่าใครจะเป็นผู้รับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นนี้ จะโยนเป็นความรับผิดชอบของคณะกรรมการตามมาตรา 36 บอร์ดรฟม.กระทรวงคมนาคม หรือรัฐบาล

สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ มีนบุรี (สุวินทวงศ์) มีแนวเส้นทางเชื่อมระหว่างกรุงเทพมหานครทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ระยะทาง 35.9 กิโลเมตร แบ่งเป็นส่วนตะวันออก (ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย มีนบุรี (สุวินทวงศ์)) ระยะทาง 22.5 กิโลเมตร จำนวน 17 สถานี (สถานีใต้ดิน 10 สถานี และสถานียกระดับ 7 สถานี) และส่วนตะวันตก (ช่วงบางขุนนนท์ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย) ระยะทาง 13.4 กิโลเมตร จำนวน 11 สถานี (สถานีใต้ดินตลอดสาย)