ดันเรือท่องเที่ยวไฟฟ้า 200 ลำ บูมท่องเที่ยวภูเก็ต

05 ส.ค. 2563 | 07:14 น.

เจ้าท่า เผย สกุลฎ์ซี-ภูเก็ต พัชทรีทัวร์ เปิดตัวเรือท่องเที่ยว‘บ้านปูเน็กซ์ อีเฟอร์รี่ หวังตอบโจทย์ท่องเที่ยวภูเก็ต ด้านผู้ประกอบการตั้งเป้าสนใจเรือท่องเที่ยวไฟฟ้า 200 ลำ จ่อปรับอัตราค่าโดยสาร หลังปรับโฉมเรือโดยสารเน้นพลังงานสะอาด

นายวิทยา ยาม่วง อธิบดีกรมเจ้าท่า (จท.)  เปิดเผยภายหลังงานวันคล้ายวันสถาปนากรมเจ้าท่า ครบรอบ 161 ปี ว่า ขณะนี้บริษัท สกุลฎ์ซี อินโนเวชั่น จำกัด และบริษัท ภูเก็ต พัชทรีทัวร์ กรุ๊ป จำกัด ได้เปิดตัวเรือท่องเที่ยวไฟฟ้าทางทะเลในกลุ่มผลิตภัณฑ์เรือท่องเที่ยวไฟฟ้า ‘บ้านปูเน็กซ์ อีเฟอร์รี่’ (BanpuNext e-Ferry) ซึ่งกรมเจ้าท่าจดทะเบียนเป็นเรือท่องเที่ยวไฟฟ้าทางทะเลลำแรกของประเทศไทย ชูนวัตกรรมเรือพลังงานสะอาดมาตรฐานสากล ลํ้าสมัยด้วยเทคโนโลยีฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ศักยภาพสูง ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ ยกระดับการท่องเที่ยวสีเขียว (Green Tourism) ช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศทางนํ้า ลดมลพิษทางอากาศ รวมถึงลดการใช้พลังงานของโลก นำร่องให้บริการในภูเก็ตเป็นที่แรก ตั้งเป้าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับการท่องเที่ยวของคนยุคใหม่ที่ปลอดภัย สะดวก และรักษ์โลก และสนับสนุนอุตสาหกรรมเรือไฟฟ้าให้เติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมเผยแผนโรดแมป เตรียมลุยพัฒนาเรือท่องเที่ยวไฟฟ้าลำที่ 2  เพิ่มฟังก์ชันด้านพลังงานสะอาดให้ครบวงจรยิ่งขึ้นด้วยการติดตั้งโซลาร์เซลล์ คาดแล้วเสร็จภายในปี 2564 และจะขยายตลาดอุตสาหกรรมเรือท่องเที่ยวให้ครอบคลุมในแถบทะเลอันดามันและอ่าวไทย ภายใน 5 ปี

 

“ปัจจุบันอยู่ระหว่างให้บริษัททดสอบระบบเรือ หากสำเร็จจะเริ่มนำไปทดลองใช้เดินเรือที่ภูเก็ตได้ทันที ซึ่งตามแผนในปี 64 เรือไฟฟ้าเพื่อการท่องเที่ยวจะให้บริการที่ทะเลจังหวัดภูเก็ตก่อน 30 ลำ และตามแผนใน 3-4 ปี จะมีให้บริการครบ 200 ลำ ซึ่งเป็นเรือที่ลดต้นทุนทั้งตัวเรือที่ทำมาจากอลูมิเนียม ลดต้นทุนน้ำมันเชื้อเพลิง  ซึ่งจะทำให้ประหยัดการบำรุงรักษา ด้านพลังงานเปลี่ยนจากเชื้อเพลิงเป็นพลังงานไฟฟ้า ซึ่งจะทำให้อัตราค่าโดยสารถูก หากในอนาคตแบตเตอรี่มีราคาถูกลง ทำให้ต้นทุนโลจิสติกส์ในการก่อสร้างเรือถูกลงไปอีก ส่วนอัตราค่าโดยสารจะต้องปรับปรุงอีกครั้ง หากมีต้นทุนราคาถูกลงหลังจากใช้พลังงานไฟฟ้าจะทำให้อัตราค่าโดยสารถูกลง"

ดันเรือท่องเที่ยวไฟฟ้า 200 ลำ บูมท่องเที่ยวภูเก็ต

 

ขณะเดียวกันทาง จท. มีนโยบายที่จะขยายเส้นทางเดินเรือในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มขึ้นจากเดิมทางด้านทิศเหนือจะสิ้นสุดที่ท่าเรือปากเกร็ดจะขยายไปถึงปทุมธานี ส่วนทิศใต้แม่น้ำเจ้าพระยาจากเดิมสิ้นสุดที่ท่าเรือสาทร จะขยายเชื่อมต่อไปยังสมุทรปราการ ซึ่งเส้นทางใหม่ทั้ง2เส้นทางจะมีจุดเริ่มต้นจากท่าเรือสาทร  อย่างไรก็ตามการขยายเส้นทางเรือนั้นทาง จท. จะเน้นจุดเชื่อมต่อท่าเรือในแม่น้ำเจ้าพะยาที่ขึ้นเชื่อสถานีรถไฟฟ้าได้ เบื้องต้นท่าเรือที่เชื่อมรถไฟฟ้ามี 6 ท่าเรือ ประกอบด้วย ท่าเรือพระนั่งเกล้า,ท่าเรือบางโพ,ท่าเรือราชินี,ท่าเรือเจ้าท่า,ท่าเรือสาทร,ท่าเรือปิ่นเกล้า

 

ทั้งนี้เตรียมปรับปรุงและพัฒนาเส้นทางเดินเรือท่องเที่ยวใหม่ภาคใต้ ประกอบด้วย จังหวัดภูเก็ต  กระบี่  พังงา  ซึ่งเป็นเส้นทางใหม่ในการท่องเที่ยว หลังจากพัฒนาเส้นทางเดินเรือดังกล่าวทั้ง 3 เส้นทางแล้วเสร็จ หลังจากนั้นจะพัฒนาบริเวณท่าเรือกระบี่-ตรัง    คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ภายในปลายปี 2563 

 

“ตอนนี้เราได้มีการศึกษารายละเอียดแล้ว  ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจาคุยกับทางผู้ประกอบการเดินเรือท้องถิ่น เพื่อให้สนับสนุนกับกิจการของเรา โดยให้ผู้ประกอบการเดินเรือท้องถิ่นเป็นผู้บริหาร  ทั้งนี้เป็นเรือโดยสารท่องเที่ยวที่มีลักษณะเล็กกว่าเรือราชาเฟอร์รี่  คาดภายในปี 2563 จะได้ข้อสรุป” 

นายอธิรัฐ  รัตนเศรษฐ  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม   กล่าวว่า  ทั้งนี้เรือท่องเที่ยวไฟฟ้า‘บ้านปูเน็กซ์ อีเฟอร์รี่  จะเป็นต้นแบบเรือโดยสารท่องเที่ยวในทะเล จังหวัดภูเก็ต เบื้องต้นจะนำต้นแบบเรือดังกล่าวไปใช้กับเรือโดยสารบริเวณแม่น้ำเจ้าพระยา จำนวน 40 ลำ ด้วยเช่นกัน  เพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวกสบายในการเดินทางจากเรือไฟฟ้า  เบื้องต้นได้สั่งการให้กรมเจ้าท่าดำเนินการเจรจาบริเวณท่าเรือที่จะจอดเทียบท่าโดยสารว่ามีบริเวณใดบ้างที่สามารถดำเนินการได้

 

“ส่วนค่าโดยสารเรือท่องเที่ยวไฟฟ้าที่ใช้ในแม่น้ำเจ้าพระยานั้น เบื้องต้นต้องการให้มีอัตราค่าโดยสารราคาเท่าเดิม หรือหากเพิ่มอัตราค่าโดยสาร ไม่ควรเกิน 10-20% ควรทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุดเพราะเราจะไม่โยนภาระให้ประชาชน  ซึ่งขอความร่วมมือผู้ประกอบการหลายรายให้ดูรายละเอียดในการปรับอัตราค่าโดยสารด้วย เพราะเราเข้าใจถึงสถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา”