ยุติลงแล้วสำหรับปมข้อพิพาทค่าโง่ทางด่วน ระหว่าง การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กับ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพจำกัด(มหาชน) หรือ BEM ล่าสุด วันที่ 20กุมภาพพันธ์ ได้ลงนามขยายสัมปทาน ทางด่วนขั้นที่2 ออกไป 15ปี8เดือน
นางพเยาว์ มริตนะพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพจำกัด(มหาชน)หรือ BEM กล่าวว่า มั่นใจว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะถอนฟ้องทุกคดีภายใน 29ก.พ.นี้แน่นอน และสัญญาสัมปทานใหม่จะมีผลตั้งแต่วันที่1มี.ค นี้เป็นต้นไป อย่างไรก็ตามหากมีปัญหาถอนฟ้องไม่ทันนั้นยังไม่ขอตอบตอนนี้ ซึ่งวันที่ 28 ก.พ.นี้ช่วงกลางคืนค่อยคุยกันอีกครั้ง
ด้านนายสุรงค์ บลูกุล ประธานคณะกรรมการ(บอร์ด) การทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ.) เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 16.45 น. นายดำเกิง ปานขำ รักษาการผู้ว่าการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) และนางพเยาว์ มริตนะพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพจำกัด(มหาชน)หรือ BEM ได้ลงนามในสัญญาขยายสัมปทานทางด่วน 2 ฉบับ ประกอบไปด้วย สัญญาโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 2 (ฉบับแก้ไข) และสัญญาโครงการทางด่วนบางปะอิน-ปากเกร็ด (ฉบับแก้ไข) โดยมีชยธรรม์ พรหมศร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ในฐานะประธานคณะกรรมการมาตรา 43 นายสุรงค์ บลูกุล ประธานบอร์ดกทพ. และผู้บริหารจาก กทพ.และบีอีเอ็ม ร่วมเป็นสักขีพยาน ซึ่งการลงนามสัญญาในครั้งนี้ เป็นการยุติข้อพิพาทและจะไม่มีการฟ้องกันอีกในอนาคต โดยจะดำเนินการถอนฟ้องข้อพิพาททั้งหมดที่มีอยู่ 17 คดี มูลค่ารวม 5.8 ล้านบาท ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 29ก.พ.นี้ เพื่อให้สัญญามีผลบังคับใช้ต่อเนื่องจากสัญญาเดิมที่สิ้นสุดลง ซึ่งสัญญาใหม่จะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.เป็นต้นไป ทั้งนี้กทพ.จะประสานงานกับสำนักงานอัยการสูงสุด โดยนำมติครม.และหนังสือลงนามในสัญญาขยายสัมปทานใหม่ไปดำเนินการถอนฟ้องโดยเร็วที่สุด
“สาเหตุที่มีการเซ็นสัญญาฉบับใหม่เร็วนั้น เนื่องจากสัญญาสัมปทานฉบับเดิมจะสิ้นสุดในวันที่ 29 ก.พ.2563 หลังจากนั้นBEM ต้องเร่งถอนฟ้อง กทพ.ทั้งหมด 17 คดี ก่อนที่สัญญาฉบับใหม่ทั้ง 2 ฉบับ จะเริ่ม 1 มี.ค.นี้ ซึ่งมีระยะเวลาเพียง 8 วัน เท่านั้น หากถอนฟ้องไม่ทันก็จะมีการหารือกับคณะกรรมการฯ เช่น ทางกทพ.จะไม่จ่ายรายได้ค่าผ่านทางให้กับ BEM”
สำหรับข้อยุติพ้อพาทพาทครั้งนี้เป็นการแก้ไขข้อพิพาทที่เกิดขึ้นมากกว่า 25 ปี แค่บางข้อพิพาทที่ศาลตัดสินมาแล้วให้กทพ.จำเป็นต้องชดใช้ให้บีอีเอ็มเป็นเงิน 4,300 ล้านบาท ซึ่งเสียหายมากแล้ว หากกทพ.จะสู้คดีและยอมรับว่ามีโอกาสสูงที่จะแพ้คดีอาจต้องทำให้ประเทศชาติเสียหายเพิ่มขึ้นกว่า 3 แสนล้านบาท ในขณะเดียวกันอยากให้สังคมเข้าใจว่ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และและบอร์ดกทพ.ชุดนี้ไม่ได้เป็นผู้สร้างปัญหาแต่เป็นผู้มาแก้ไข และการเจราจรครั้งนี้เป็นการเจรจาอย่างโปร่งใส และตรวจสอบได้ มีตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานอัยการสูงสุด คณะกรรมการพีพีพี และตรวจสอบทุกขั้นตอน เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของใคร อย่างไรก็ตามการลงนามครั้งนี้นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ไม่ได้เข้าร่วม เพราะไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เนื่องจากเป็นกระบวนการระหว่างกทพ.กับ BEM เท่านั้น