นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่าศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้ทำการวิเคราะห์ทิศทางการส่งออกไทยปี 2563 โดยคาดว่าปี 2563 ไทยมีมูลค่าการส่งออก 244,231 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือติดลบ0.9%ถึงลบ2.4% โดยมีปัจจัยเสี่ยงสำคัญจากความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯและอิหร่าน สงครามการค้าที่ยังต้องติดตามสถานการณ์ และค่าเงินบาทที่แข็งค่า เศรษฐกิจโลกที่ยังคงทรงตัว เศรษฐกิจสหรัฐ จีน และญี่ปุ่นชะลอตัว รวมไปถึงราคาน้ำมันที่ยังคงปรับตัวสูงขึ้น ส่วนปัญหาภายในประเทศ เช่นภัยแล้งที่คาดว่าปีนี้จะรุนแรงกว่าปีที่ผ่านมา การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เป็นต้น
สำหรับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าต่อเนื่องในปี 2563ที่คาดว่าอยู่ที่ 29-31 บาท/ดอลลาร์สหรัฐโดยแข็งค่ามากสุดในรอบ 6 ปีและมีแนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่องจากการไหลเข้าของเงินทุนดังนั้นผู้ประกอบการไทยควรเร่งนาเข้าสินค้าทุน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าซึ่งหากค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น 1% มูลค่าส่งออกลดลง 0.11% ซึ่งแบ่งออกเป็น หากบาทอยู่ที่ 31บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ มูลค่าส่งออกลดลง 0.04% หรือเท่ากับมูลค่าลดลง 108.6ล้านดอลลาร์สหรัฐ และ 30บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ มูลค่าส่งออกลดลง 0.4% หรือเท่ากับมูลค่าลดลง 979 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และหากบาทแข็งค่าที่29 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ มุลค่าส่งออกลดลง0.8%หรือเท่ากับมูลค่าส่งออกที่1850ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ส่วนความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่านอาจรุนแรง จนส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันดิบและเศรษฐกิจโลก ถ้าเกิดความขัดแย้งต่อเนื่องจะส่งผลให้ราคาน้ำมันสูงขึ้น 29.0%หรือประมาณ80 ดอลลาร์/บาร์เรลจากราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยปี 2562 เท่ากับ 61.7 ดอลลาร์/บาร์เรล, GDP โลก ลดลง -1.1%,ไทยส่งออกไปตะวันออกกลางลดลง-2.7%ถึง -3.5 %หรือ6,750 -8,850 ล้านบาท โดยสินค้าไทยสินค้าที่ไทยจะส่งออกได้ ลดลงในตะวันออกกลางเช่น รถยนต์และอุปกรณ์ อัญมณีและเครื่องประดับ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป เครื่องปรับอากาศและชิ้นส่วน ผลิตภัณฑ์ยาง และข้าว ส่วนสินค้าที่ไทยจะส่งออกได้ลดลงในอิหร่าน เช่น ยางพารา และผลิตภัณฑ์ยาง ผลไม้กระป๋องและแปรรูปไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ ผักสด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง หม้อแบตเตอรี่และส่วนประกอบ และข้าว
สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตาม เช่น ความก้าวหน้าของความตกลง RCEP ความไม่แน่นอนของสถานการณ์ BREXIT การเก็บภาษีรถยนต์ 25% ของสหรัฐฯ เพราะถ้าไทยถูกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ภายใต้มาตรฐาน232 มูลค่าการส่งออกของไทยจะลดลง290.3ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ9,001ล้านบาท หรือมูลค่าลดลง0.11%ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด