ซีพีเอฟ เผย ปีชวด ธุรกิจอาหารไม่กระทบ ยังไงๆ คนก็ยังต้องกิน และอาหาร โปรตีน ของซีพีเอฟ ไม่ใช่สินค้าราคาสูง ปีหน้า เตรียมเร่งเครื่องขยายตลาดต่างประเทศต่อเนื่อง ระบุ ทั้ง 17 ประเทศที่เข้าไปลงมทุน ไม่ว่าจะเป็นจีน ฟิลิปปินส์ เวียดนาม อินเดีย รัสเซีย ยังเดินหน้าต่อ ดันยอดรายได้กว่า 5 แสนกว่าล้าน เติบโตต่อเนื่อง
นายอดิเรก ศรีประทักษ์ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ธุรกิจของซีพีเอฟ นอกจากลงทุนในประเทศไทย ยังลงทุนในอีก 17 ประเทศ ทั้ง เอเชีย ยุโรป และสหรัฐอเมริกาซึ่งทั้งหมดยังเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะต่างประเทศที่มีเติบโตได้ดี ด้วยภาพรวมในธุรกิจอาหารการกินของคน ล้วนต้องการของที่ปลอดภัย ตรวจสอบย้อนกลับได้ ดูแลสิ่งแวดล้อมและชุมชน ซึ่งเป็นแนวทางดำเนินธุรกิจของบริษัททำให้สินค้าของซีพีเอฟได้รับการตบอรับจากผู้บริโภคทั่วโลก
"เราเติบโตในต่างประเทศมากกว่าในประเทศ ซึ่งครเบคลุมคนกว่า 4 พันล้านคน จากสภาพเศรษฐกิจโลก ไม่ได้รับผลกระทบ เพราะคนประหยัดเรื่องอื่นๆ เรื่องอาหารการกินประจำวัน เราผลิตโปรตีนราคาถูก ทั้งเนื้อหมู ไก่ ไข่ เป็นของที่คนต้องบริโภค" นายอดิเรกกล่าว
ส่วนการส่งออกของซีพีเอฟมีสัดส่วนประมาณ 5% จากยอดขายกว่า 5 แสนล้านบาท และขายในไทย 27-28% เกือบ70% เป็นธุรกิจที่ซีพีเอฟลงทุนในต่างประเทศ จากค่าเงินบาทที่แข็งตัว ซีพีเอฟได้รับผลกระทบบ้าง แต่ไม่มากเนื่องจากสัดส่วนการส่งออกไม่สูง
สำหรับภาพรวมปีหน้า เรื่องกำลังซื้อในไทยอาจจะอ่อนตัวลง อย่างไรก็ตามในตลาดต่างประเทศ หลายๆ ประเทศ ที่ซีพีเอฟเข้าไปลงทุน ยังมีการเติบโตได้ดี และซีพีเอฟมีแผนขยายตบาดเพิ่มเติม ทั้งใน จีน เวียดนาม อินเดีย ฟิลิปปินส์รัสเซีย สหรัฐอเมริกา และอื่นๆ