เอกสารคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุนโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) วงเงิน 2.2 แสนล้านบาท ระบุ ผลประโยชน์ตอบแทนการลงทุนที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และภาคเอกชนที่ชนะการประมูลได้รับจากการดำเนินโครงการนี้ ไว้ว่า ในส่วนของ รฟท. ที่จะได้รับประกอบด้วย 1.เงินค่าให้สิทธิร่วมลงทุนใน "แอร์พอร์ต เรลลิงค์" โดยเอกชนคู่สัญญาจะชำระให้ รฟท. 10,671,090,000 บาท ก่อนที่เอกชนคู่สัญญาจะได้รับสิทธิการให้บริการเดินรถและบำรุงรักษาโครงการเกี่ยวกับรถไฟในส่วนของ "แอร์พอร์ต เรลลิงค์"
2.รฟท. จะได้ค่าเช่าที่ดินจากการพัฒนาพื้นที่เพื่อสนับสนุนบริการรถไฟของโครงการบริเวณสถานี "แอร์พอร์ต เรลลิงค์ มักกะสัน" และสถานีศรีราชา โดยเอกชนจะชำระให้ รฟท. ตลอดระยะเวลา 50 ปี เป็นจำนวนเงิน 52,336.77 ล้านบาท แบ่งเป็น ค่าเช่าพื้นที่ สถานี "แอร์พอร์ต เรลลิงค์ มักกะสัน" เป็นจำนวนเงิน 51,834.08 ล้านบาท และค่าเช่าพื้นที่สถานีศรีราชา เป็นจำนวนเงิน 502.69 ล้านบาท
3.รฟท. จะได้รับผลประโยชน์ของโครงการ ซึ่งประกอบด้วย การดำเนินโครงการเกี่ยวกับรถไฟ การพัฒนาพื้นที่เพื่อสนับสนุนบริการรถไฟของโครงการ และการดำเนินกิจการทางพาณิชย์ และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยกรณีที่รายได้รวมก่อนหักภาษีที่เกิดขึ้นในแต่ละปีสูงกว่ารายได้ที่เอกชนคู่สัญญาเสนอมามากกว่า 30% แต่ไม่เกิน 50% ให้แบ่งรายได้ให้ รฟท. 20% ของส่วนที่เกิน
กรณีที่รายได้รวมก่อนหักภาษีที่เกิดขึ้นในแต่ละปีสูงกว่ารายได้ที่เอกชนคู่สัญญาเสนอมามากกว่า 50% ขึ้นไป ให้แบ่งรายได้ให้ รฟท. 40% ของส่วนที่เกิน
4.รฟท. จะได้รับส่วนแบ่งรายได้ ในกรณีที่เอกชนคู่สัญญาต้องการเปิดเดินรถและมีรายได้จากค่าโดยสารและการดำเนินกิจการทางพาณิชย์ก่อนระยะเวลาของโครงการ โดยส่วนแบ่งรายได้ที่ รฟท. จะได้รับข้างต้นขึ้นอยู่กับการเจรจาระหว่าง รฟท. กับเอกชนคู่สัญญา
5.รฟท. ได้รับทรัพย์สินที่ใช้ในการดำเนินโครงการ ในส่วนของรถไฟความเร็วสูง และ "แอร์พอร์ต เรลลิงค์" ส่วนต่อขยาย ตามรูปแบบ BTO (Build - Transfer - Operate) ก่อนที่เอกชนคู่สัญญาจะได้รับสิทธิในการให้บริการเดินรถและบำรุงรักษาโครงการเกี่ยวกับรถไฟในส่วนของรถไฟความเร็วสูงและแอร์พอร์ตเรลลิงค์ส่วนต่อขยาย
6.รฟท. ได้รับทรัพย์สินจากส่วนการพัฒนาพื้นที่เพื่อสนับสนุนบริการรถไฟของโครงการ บริเวณสถานี "แอร์พอร์ต เรลลิงค์ มักกะสัน" และสถานีศรีราชา ตามรูปแบบ BOT (Build - Operate - Transfer) หลังจากสิ้นสุดระยะเวลาของโครงการ
ส่วนผลประโยชน์ตอบแทนของเอกชนคู่สัญญาจะได้รับเงินที่รัฐร่วมลงทุนในโครงการ กรณีนี้ กลุ่มซีพีเสนอขอวงเงินที่รับการสนับสนุนจากรัฐ 117,227 ล้านบาท ได้รับรายได้จากค่าโดยสารของโครงการเกี่ยวกับรถไฟการพัฒนาพื้นที่เพื่อสนับสนุนบริการรถไฟของโครงการ และการดำเนินกิจการทางพาณิชย์ และในกรณีที่คู่สัญญาประสงค์จะเปิดเดินรถและจัดเก็บค่าโดยสารในส่วนของ "แอร์พอร์ต เรลลิงค์" ส่วนต่อขยายหรือช่วงอื่น ๆ ของโครงการฯ ก่อนระยะเวลาของโครงการ โดยส่วนแบ่งรายได้ขึ้นอยู่กับการเจรจาระหว่าง รฟท. กับเอกชนคู่สัญญา
ในเอกสารยังระบุว่า รฟท. จะชำระเงินที่รัฐร่วมลงทุนในโครงการ โดยแบ่งชำระให้แก่เอกชนคู่สัญญาเท่ากันทุกปีต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 10 ปี และเป็นไปตามเงื่อนไขการชำระเงินที่รัฐร่วมลงทุนในโครงการ ตามผลการดำเนินงาน เกณฑ์ประเมินผลผลิตที่เอกชนต้องส่งมอบ (Output Specification) และระดับในการบริการ (Level of Service) และระยะทางของการเดินรถ โดยจะเริ่มชำระเงินดังกล่าวภายหลังเอกชนคู่สัญญาเริ่มต้นการให้บริการเดินรถและบำรุงรักษาโครงการเกี่ยวกับรถไฟแล้ว ทั้งนี้ กรณีมีเหตุจำเป็นอาจให้ทยอยจ่ายเงินดังกล่าวให้เอกชนคู่สัญญาหลังจากเริ่มเปิดเดินรถไฟความเร็วสูงบางส่วน โดยแบ่งจ่ายเงินที่รัฐร่วมลงทุนในโครงการ ตามระยะทางของการเดินรถไฟความเร็วสูง โดยในกรณีดังกล่าวคณะกรรมการนโยบายจะเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติต่อไป
นอกจากนี้ ยังระบุว่า รฟท. จะใช้งบเพื่อการเวนคืนที่ดินเป็นจำนวนเงิน 3,570.290 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายที่ภาครัฐรับภาระหนี้โครงสร้างพื้นฐานของแอร์พอร์ต เรลลิงค์ ของ รฟท. เป็นจำนวนเงิน 22,558.06 ล้านบาท โดยภาครัฐจะใช้งบประมาณประจำปี หรือ เงินกู้ เพื่อใช้เป็นเงินลงทุนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการในส่วนของรัฐ ซึ่งในการยื่นข้อเสนอการร่วมลงทุน ผู้ยื่นข้อเสนอสามารถเสนอขอรับเงินที่รัฐร่วมลงทุนในโครงการ ในจำนวนที่น้อยกว่านี้ได้ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับข้อตกลงในสัญญาร่วมลงทุน โดยกำหนดระยะเวลาแบ่งจ่ายไม่ตํ่ากว่า 10 ปี เริ่มชำระเงินภายหลังเอกชนคู่สัญญาเริ่มต้นการให้บริการเดินรถและบำรุงรักษาโครงการเกี่ยวกับรถไฟ (Operation - Maintenance) และเป็นไปตามเงื่อนไขการชำระเงินที่รัฐร่วมลงทุนในโครงการ ตามผลการดำเนินงานเกณฑ์ประเมินผลผลิตที่เอกชนต้องส่งมอบ (Output Specification) ระดับในการบริการ (Level of Service) และระยะทางของการเดินรถ
หน้า 12 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3459 ระหว่างวันที่ 7-10 เมษายน 2562