ไขข้อข้องใจ "สปสช."จ่ายเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการ"ฉีดวัคซีนโควิด -19"

13 มิ.ย. 2564 | 07:58 น.

สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ "สปสช."แจงหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเยียวยาช่วยเหลือเบื้องต้น กรณีเกิดความเสียหายจากการฉีด"วัคซีนโควิด-19" พร้อมเผยเงื่อนไขและข้อควรรู้ มีอะไรบ้าง ตรวจสอบข้อมูลได้ที่นี่!

สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้ไขข้อสงสัยในกรณีเกี่ยวกับฉีดวัคซีนโควิด-19แล้วได้รับความเสียหาย จะได้รับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นได้อย่างไร? โดยทางสปสช.เผยว่าจะมีหลักเกณฑ์จ่ายเงินช่วยเบื้องต้น กรณีความเสียหายจากการรับวัคซีนโควิด-19 ดังนี้


1. บาดเจ็บ/เจ็บป่วยต่อเนื่อง ไม่เกิน 100,000 บาท


2. เสียอวัยวะ/พิการ ไม่เกิน 240,000 บาท


3. ตาย/ทุพพลภาพถาวร ไม่เกิน 400,000 บาท


ภายหลังยื่นเรื่องแล้วจะมีคณะอนุกรรมการพิจารณาวินิจฉัยคำร้องขอรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้น กรณีผู้รับบริการได้รับความเสียหายจากการรับวัคซีนโควิด-19 ระดับเขตพื้นที่เป็นผู้พิจารณา จะมีการจ่ายเงินไม่เกิน 5 วันทำการ หลังคณะอนุกรรมการพิจารณาเรียบร้อยแล้ว 


เงื่อนไขและข้อควรรู้ 


- คุ้มครองคนไทยทุกสิทธิที่ได้รับความเสียหายจากการรับวัคซีน 


- ต้องเป็นวัคซีนที่รัฐจัดให้ฟรีเท่านั้น ไม่รวมวัคซีนที่ให้โดย รพ.เอกชนและมีการเก็บค่าใช้จ่าย


- สามารถยื่นคำร้องได้ภายใน 2 ปี นับตั้งแต่วันที่ทราบความเสียหาย


- ยื่นคำร้องได้ที่ โรงพยาบาลที่ฉีดวัคซีน หรือ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) และ สปสช. เขตพื้นที่ 1-13 


สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร สายด่วน สปสช. 1330 ให้บริการตลอด 24 ชม.

 
ไขข้อข้องใจ สปสช.จ่ายเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการฉีดวัคซีนโควิด -19

สำหรับความคืบหน้าของการจ่ายเงินเยียวยาเบื้องต้นให้กับผู้ได้รับผลกระทบหลังฉีดวัคซีนโควิด-19  โดยข้อมูล ณ วันที่ 11 มิ.ย.  64 มีผู้ยื่นคำร้องขอรับการเยียวยาทั่วประเทศ 519 ราย และคณะอนุกรรมการของแต่ละเขตได้พิจารณาจ่ายให้ 395 ราย รวมเป็นเงิน 7,572,300 บาท อยู่ระหว่างรอข้อมูลเพิ่มเติมอีก 66 ราย และมีอีก 58 รายที่พิจารณาแล้วไม่อนุมัติการจ่ายเยียวยา

 

ขณะที่ระดับอาการที่มีการจ่ายเยียวยานั้น เป็นผู้มีอาการเล็กน้อย เยียวยาไม่เกิน 10,000 บาท จำนวน 309 ราย อาการปานกลาง เยียวยา 10,000-50,000 บาท 60 ราย เยียวยามากกว่า 50,000 บาทอีก 13 ราย และมีกรณีที่อาการรุนแรงจนถึงขั้นพิการอีก 2 ราย

 

ในส่วนของผู้เสียชีวิตนั้น มีการเยียวยาทั้งหมด 10 ราย ดังนี้ ปทุมธานี 2 ราย, ตาก 1 ราย, แพร่ 1 ราย, สงขลา 1 ราย ภูเก็ต 1 ราย, นนทบุรี 1 ราย, กาญจนบุรี 2 ราย และสมุทรสาคร 1 ราย ขณะที่กรณีทุพพลภาพถาวรนั้น 1 รายที่ จ.ชัยนาท