อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทเปิดตลาด “อ่อนค่า”ที่ระดับ 31.49บาท/ดอลลาร์

12 เม.ย. 2564 | 00:17 น.

อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาท ควรระวังความผันผวนในตลาดค่าเงินซึ่งอาจทำให้แกว่งตัวในกรอบที่กว้างระหว่างวัน จากการที่ธุรกรรมจะเบาบางลง ในช่วงก่อนวันหยุดเทศกาลสงกรานต์

อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาท ควรระวังความผันผวนในตลาดค่าเงินซึ่งอาจทำให้ค่าเงินบาทแกว่งตัวในกรอบที่กว้างระหว่างวัน จากการที่ธุรกรรมในตลาดจะเบาบางลง ในช่วงก่อนวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ -แนวโน้มอาจถูกกดดันให้อ่อนค่าลง โดยตลาดอาจลดการถือครองเงินบาท ท่ามกลางความกังวลปัญหาการระบาดระลอกใหม่ของ COVID-19 ในไทย

อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ  31.49 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่า”ลงจากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 31.47 บาทต่อดอลลาร์

 

นายพูน  พานิชพิบูลย์  นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย ระบุว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา เศรษฐกิจโลกโดยรวมฟื้นตัวดีขึ้นหนุนโดยการขยายตัวของภาคการบริการทั่วโลกที่ออกมาดีกว่าคาด

สำหรับสัปดาห์นี้ ควรจับตาทิศทางบอนด์ยีลด์ 10ปี สหรัฐฯ โดยยีลด์ 10 ปี อาจกลับมาเร่งตัวขึ้นได้ ตามภาพการฟื้นตัวเศรษฐกิจสหรัฐฯที่แข็งแกร่งและการเร่งตัวของอัตราเงินเฟ้อ ทั้งนี้ ยังคงต้องติดตามสถานการณ์การระบาดระลอกใหม่ของ COVID-19

โดยในส่วนรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าสนใจจะมีดังนี้

ในฝั่งสหรัฐฯ – แนวโน้มการฟื้นตัวเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่ง หนุนโดยการเร่งแจกจ่ายวัคซีนและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ โดย ยอดค้าปลีก (Retail Sales) เดือนมีนาคม จะพุ่งขึ้นราว 5.5% จากเดือนก่อน ขณะเดียวกัน ดัชนีราคาสินค้าผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อ ก็จะเพิ่มขึ้นกว่า 2.5% จากปีก่อนหน้า ตามภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและราคาสินค้าพลังงานที่ปรับตัวขึ้นอย่างมากจากระดับฐานราคาที่ต่ำในปีก่อน อย่างไรก็ดี ควรระวังแรงขายบอนด์ระยะยาวอีกครั้ง หากอัตราเงินเฟ้อ CPI เร่งตัวขึ้นมากกว่าคาด ซึ่งภาพดังกล่าว อาจทำให้ตลาดการเงินปั่นป่วนได้ จากการที่บอนด์ยีลด์ 10ปี สหรัฐฯ อาจเร่งตัวขึ้นอีกครั้ง นอกจากนี้ แนวโน้มเศรษฐกิจที่สดใสจะส่งผลให้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค โดย มหาวิทยาลัยมิชิแกน (U of M. Consumer Sentiment) ในเดือนเมษายน ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 89 จุด จาก 84.9 จุด

 

ส่วนทางด้านฝั่งยุโรป – ผู้เล่นในตลาดการเงินมีความเชื่อมั่นต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและภาคธุรกิจของยุโรปมากขึ้น สะท้อนผ่านดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเยอรมนี (ZEW Economic Sentiment) ในเดือนเมษายนที่จะปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 79 จุด จาก 76.6 จุด ในเดือนก่อน (ดัชนีมากกว่า 0 หมายถึง มุมมองที่เป็นบวก)

 

ฝั่งเอเชีย – แนวโน้มการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปของเศรษฐกิจนิวซีแลนด์จะทำให้ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Cash Rate) ไว้ที่ 0.25% เช่นเดียวกับธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) ที่จะเลือกคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (7D Repo Rate) ที่ระดับ 0.50% เพื่อประคับประคองการฟื้นตัวเศรษฐกิจ ส่วนในฝั่งจีน เศรษฐกิจโดยรวมยังคงขยายตัวดีขึ้นต่อเนื่อง หนุนโดยการฟื้นตัวของภาคการผลิตที่แข็งแกร่ง ทำให้เศรษฐกิจในไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ จะโตกว่า 18% จากปีก่อนหน้า นอกจากนี้ ในเดือนมีนาคม ยอดผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (Industrial Production) จะเพิ่มขึ้นกว่า 18% จากปีก่อน ส่วนยอดการลงทุนสินทรัพย์ถาวร (Fixed Asset Investment) จะโตได้ราว 27% และยอดค้าปลีก (Retail Sales) จะขยายตัวขึ้นกว่า 28% หนุนโดยการทยอยผ่อนคลายมาตรการ Lockdown สอดคล้องกับ การปรับตัวขึ้นของดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการบริการในเดือนมีนาคม

 

สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาท เรามองว่า ควรติดตามแนวโน้มเงินดอลลาร์สหรัฐฯ โดย เงินดอลลาร์อาจแข็งค่าขึ้น ตามยีลด์ 10ปี สหรัฐฯ ที่พร้อมปรับตัวขึ้น หากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาดีกว่าคาดมาก นอกจากนี้ ตลาดอาจลดการถือครองเงินบาท ท่ามกลางความกังวลปัญหาการระบาดระลอกใหม่ของ COVID-19 ในไทย กดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลง

 

อย่างไรก็ดี ควรระวังความผันผวนในตลาดค่าเงินซึ่งอาจทำให้ค่าเงินบาทแกว่งตัวในกรอบที่กว้างระหว่างวัน จากการที่ธุรกรรมในตลาดจะเบาบางลง ในช่วงก่อนวันหยุดเทศกาลสงกรานต์

มองกรอบเงินบาท สัปดาห์นี้ที่ระดับ 31.25 - 31.65 บาท/ดอลลาร์

ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 31.40 - 31.55 บาท/ดอลลาร์

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาท เงินบาทเช้านี้ (12 เม.ย.) อ่อนค่าลงมาเคลื่อนไหวอยู่ที่กรอบประมาณ 31.45-31.52 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (โดยแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 6 เดือนครั้งใหม่ที่ 31.52 บาทต่อดอลลาร์ฯ) เทียบกับระดับปิดตลาดช่วงปลายสัปดาห์ก่อนที่ 31.42 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยเงินบาทยังคงอ่อนค่าลงท่ามกลางความกังวลต่อสถานการณ์การระบาดของโควิด 19 ในประเทศ ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ มีปัจจัยบวกจากตัวเลข PPI ของสหรัฐฯ ที่ขยับขึ้น ซึ่งยังคงช่วยหนุนเงินดอลลาร์ฯ เมื่อเทียบกับสกุลเงินส่วนใหญ่ในภูมิภาคด้วยเช่นกัน 

 

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้ที่ 31.30-31.75 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์และมาตรการดูแลโควิด 19 ในประเทศ และยอดปล่อยกู้สกุลเงินหยวนของจีนเดือนมี.ค.