ถอดบทเรียน “ข้าวหอมพวง” หลัง “โรงสี-ท่าข้าว” เมินซื้อ

31 มี.ค. 2564 | 10:05 น.

​​​​​​​นายกสมาคมชาวนาฯ  เตือนชาวนาคิดก่อนปลูกข้าว พร้อม ถอดบทเรียน “ข้าวหอมพวง” แนะสอบถาม โรงสี-ท่าข้าว ผวาเมินซื้อ ซ้ำรอย โดนกดราคา

ปราโมทย์ เจริญศิลป์

 

นายปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย เผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ถึง  เหตุผลที่ชาวนาปลูก "ข้าวหอมพวง" คือผลผลิตดี ต้นเตื้ย อายุ 90 วัน มีโรงสีรับซื้อ จริงๆถ้าจะให้ดีควรบอกชาวนา ว่าต้องการพันธุ์อะไร จำนวนเท่าไหร่ จำนวนกี่ไร่ จึงจะไม่ล้น หรือล้น และให้ความมั่นอกมั่นใจ ว่าราคาดี เราชาวนาไม่รู้หรอก ว่าตลาดต้องการอะไรแค่ไหน ชาวนาดูราคาฤดูกาลนี้ เป็นพื้นฐานเพาะปลูกฤดูกาลหน้า

 

"หอมพวง" เมล็ดสั้นๆ ยาวๆแต่เนื่องจาก โรงสีบอกว่ามีความนุ่ม ตลาดภายในมีคนซื้อ ชาวนาขายข้าวเปลือกได้ราคา จึงเกิดกระแส ตอบรับจากชาวนา และมีบางครั้งราคาลงมาใกล้กับกลุ่มข้าวเปลือกเจ้าพื้นแข็งทั่วไป เมื่อคำนวณราคากับผลผลิต  จึงเป็นทางเลือกของเกษตรกร ซึ่งปัจจุบันสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทยได้สนับสนุนส่งเสริมให้สมาชิกปลูก ข้าวพันธ์ุ พื้นนุ่ม กข79, กข87 และข้าวหอมปทุมธานี1 (กลุ่มข้าวหอมไทย มีมาตรฐานข้าวไทยรองรับ)

 

ส่วน "ข้าวพื้นแข็ง" อาทิ  "พันธ์ุกข85" มีกลุ่มโรงสีรับซื้อเพื่อพิจารณาเป็นทางเลือก ส่วนข้าวพื้นนุ่ม กข79, กข87 แต่ยังไม่มีมาตรฐานการส่งออกรองรับ สมาคมชาวนาฯเคย แจ้งให้กรมการค้าต่างประเทศออกมาตรฐานข้าวนุ่ม ให้เหมือนกับที่ออกให้กับข้าวชนิดอื่นๆที่เขามีมาตรฐานรองรับ

 

ข้าวหอมพวง

 

ปัจจุบัน ชาวนาเห็นว่าโรงสี มีการซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มข้าวเปลือกเจ้าพื้นเเข็ง ข้าวหอมปทุมธานี1 และกลุ่มข้าวนุ่มพันธุ์ต่างๆที่ออกมา บ่งบอกถึงความต้องการของโรงสีในกลุ่มข้าว แต่ละชนิด ผมในฐานะนายกชาวนาฯฝากถึงชาวนาที่เป็นสมาชิกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย ให้ศึกษาหาข้อมูล แหล่งที่ขายข้าวเปลือกในพื้น และนอกพื้นที่ ศึกษาพันธุ์ข้าวที่ใช้ในการเพาะปลูกในฤดูกาลต่อไป

 

"ว่าพันธ์ุไหนตอบโจทย์ชาวนาได้มากที่สุด และที่สำคัญ สมาคมชาวนาฯ ยังได้ร่วมกับ สมาคมผู้รวบรวมและจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ข้าว และกลุ่มโรงสี ออกไปให้ ข้อมูล ความรู้ในด้านต่างๆแก่สมาชิกในหลายๆพื้นที่ สมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย ก็งงและสงสัยว่าข้าวเปลือก มีการซื้อขายกันตั้งหลายชนิด"

 

แต่ทำไมไม่มีประกาศราคาของสมาคมฯค้าข้าวต่างๆเลย ชาวนาจะได้รู้ราคาข้าวเปลือกแต่ละชนิด และในอนาคตถ้าหากมีโครงการประกันราคา ก็ควรที่จะมีการกำหนดราคาข้าวเปลือกเจ้าพื้นนุ่มให้อยู่ในโครงการอีกชนิด เพื่อเป็นการส่งเสริมการปลูกข้าวพันธุ์นั้นๆให้กับชาวนา