*** คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประเมินว่าภาวะเศรษฐกิจไทยโดยรวมยังขยายตัวได้ต่อเนื่องแต่ยังต้องเผชิญความไม่แน่นอนสูง ดังนั้น จึงยังต้องการแรงสนับสนุนจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่อยู่ในระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง โดย กนง. มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.50% ต่อปี เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยต่อไป ขณะที่ค่าเงินบาทยังคงอ่อนตัวลงโดยมีกรอบเคลื่อนไหวอยู่ที่ 30.60-31.20 บาทต่อดอลลาร์ และยังมีแนวโน้มที่ค่าเงินบาทยังจะอ่อนต่อได้อีก แม้ว่าการอ่อนตัวของค่าเงินบาทจะเป็นการเพิ่มโอกาสให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ดีขึ้น แต่ก็ยังจำเป็นต้องติดตามทิศทางของผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ระยะ 10 ปี ซึ่งเป็นประเด็นหลักของการกำหนดทิศทางของค่าเงินในช่วงนี้เช่นกัน
*** ราคาหุ้น VL ของ “ชุติภา กลิ่นสุวรรณ” ยังคงขยับราคาขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนเมษายนนี้เรือลำใหม่ VL.23 ขนาด 2,800 เดทเวทตัน (DTW) จะเดินทางมาถึงประเทศไทย และสามารถเริ่มต้นให้บริการขนส่งปิโตรเลียมและเคมีภัณฑ์ทางทะเลในเชิงพาณิชย์ได้ทันที พร้อมทำให้บริษัทฯสามารถรับรู้รายได้จากเรือลำดังกล่าวตั้งแต่ไตรมาส 2/2564 เป็นต้นไป ซึ่งการมาถึงของเรือ VL.23 จะส่งผลให้ในปีนี้ VLจะมีกองเรือทั้งหมด 13 ลำ โดยมีน้ำหนักบรรทุกเรือรวม 41,892 DWT ถือได้ว่าเป็นกองเรืออันดับ 1 ของกองเรือน้ำมันในประเทศไทย โดยเรือทั้ง 13 ลำ แบ่งเป็นเรือขนส่งน้ำมันใส 11 ลำ (วิ่งจากภาคตะวันออกไปภาคใต้) และขนส่งน้ำมันปาล์ม 2 ลำ (วิ่งต่างประเทศในแถบอาเซียน) และการได้ ปตท. เข้ามาเป็นลูกค้ารายใหม่ที่มีความต้องการขนส่งน้ำมันมากกว่าลูกค้ารายเดิม ซึ่งการเพิ่มเรือทุก 1 ลำ จะทำให้กำไรสุทธิโตเฉลี่ย 8-12% ต่อปี
ขณะที่ VL มีแผนเร่งนำเรือต่อใหม่ ขนาด 10,000-12,000 DWT เข้ามาเพิ่มอีก 1 ลำ ในช่วงปลายปีนี้ โดย VL มีเป้าว่าจากนี้ไปจะขยายกองเรือเพิ่มเป็น 15 ลำ โดยจะมีน้ำหนักบรรทุกเรือรวม 53,801 เดทเวทตันในช่วง 3 ปีต่อจากนี้ไป (64-66)
*** มีแฟนๆ ขอเจ๊มาหลังไมค์ว่าอยากให้เอาให้ชัดๆ ว่าใครเป็นใครในแก๊งปันหุ้นของ KIAT หรือ บมจ. เกียรติธนา ขนส่ง เอาเป็นว่าเจ๊จะจัดให้ตามที่ขอนะคะ
เริ่มจากทาง นายสุรพงษ์ เตรียมชาญชัย (ประธานบริษัท เดย์ โพเอทส์ ซึ่งมีสื่อในมือ 5 แบรนด์ ได้แก่ a day, a day Bulletin, สื่อออนไลน์ The Momentum สำนักพิมพ์ a book และ นสพ.ทันหุ้น) ซึ่งได้เคยมีข่าวใหญ่เกี่ยวข้องกับเรื่อง บมจ.โพลาลิส แคปปิตอล หรือ POLAR ได้ไปซื้อหุ้น เดย์ โพเอทส์ (เจ้าของนิตยสาร a-day และเว็บไซต์ The Momentum) จาก 2 ผู้ถือหุ้นเดย์ โพเอทส์ คือ ไทยฟู้ด โลจิสติกส์ และ ธนวรินทร์ ในราคา 308 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาที่สูงมากกว่าปกติหลายเท่าตัว แถมผลประกอบการของบริษัทยังขาดทุนหลายร้อยล้านบาท
โดยนายสุรพงษ์ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และกรรมการ บริษัท ธนวรินทร์ จำกัด (เจ้าของเดย์ โพเอทส์) ก่อนขายให้ POLAR และขณะเดียวกันนายสุรพงษ์ ยังเป็นผู้ถือหุ้นใน POLAR อีกด้วย ซึ่งการซื้อขายในครั้งนั้นระบุว่ามีการวางมัดจำเป็นเงิน 120 ล้านบาท ก่อนที่จะมีการยกเลิกการซื้อขายในภายหลัง โดยมีการระบุว่า POLAR ได้คืนเงินมัดจำจำนวนนี้ ก่อนที่ POLAR ยื่นล้มละลาย เอกสารของบริษัทถูกทำลายเกลี้ยง
และก่อนหน้านี้เช่นกัน...นายสุรพงษ์ ก็เคยเป็นอดีตกรรมการผู้จัดการและผู้ถือหุ้นใหญ่ บมจ. ทราฟฟิก คอร์นเนอร์ โฮลดิ้ง หรือ TRAF บริษัทที่เคยโด่งดังจากการสร้างข่าวและปล่อยข่าวกระตุ้นการเก็งกำไรอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท เอ็มพิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ MPIC และในกรณีของการปั่นหุ้น KIAT ขณะนั้น โดยนายสุรพงษ์ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เป็นกรรมการผู้จัดการและเป็นผู้มีอำนาจซื้อขายในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของ บมจ. นิปปอน แพ็ค (ประเทศไทย) หรือ NPP ซึ่งปัจจุบันได้เปลี่ยนมาเป็น บริษัท โกลบอล คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLOCON นายเกียรติชัย มนต์เสรีนุสรณ์ กรรมการผู้จัดการ KIAT ในฐานะเป็นแกนนำในการปั่นหุ้นตัวเองโดยการนำหุ้นที่ฝากไว้ในบัญชีบุคคลอื่น (nominee) ก็ได้นำหุ้นออกมาขายทำกำไร
นายน้ำ ชลสายพันธ์ และคนในครอบครัวชลสายพันธ์ อีก 2 คนคือ นางนิภา ชลสายพันธ์ ซึ่งเป็นภรรยา น.ส.น้ำทิพย์ ชลสายพันธ์ ลูกสาว และลูกเขย นายศุภวุฒิ มณีรินทร์ โดยชื่อเสียงของเสี่ยน้ำ เป็นที่รู้จักของนักลงทุนรุ่นเก่า เคยถือหุ้นใหญ่ในบริษัทจดทะเบียนหลายแห่ง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นร้อนที่ไม่ธรรมดาด้วยเช่นกัน
นายประพล มิลินทจินดา ประธานกรรมการบริหารและผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) หรือ AEC (ลาออกจากตำแหน่งหลังจากที่ กลต.ใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิด 13 ราย ซึ่งมีรายชื่อของนายประพลอยู่ในนั้นด้วย)
นายปฏิญญา เทวอักษร เป็นกรรมการบริหาร บริษัท วิลล่า คุณาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ KUN โดยถือหุ้นสัดส่วน 2% ของทุนจดทะเบียน และเป็นกรรมการบริษัท ที.เค.เอส.เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ TKS และยังถือหุ้นในบริษัท โกลบอล คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLOCON (อดีต บมจ. นิปปอน แพ็ค (ประเทศไทย) หรือ NPP) จำนวน 34,464,860 คิดเป็น 1.80%
นี่เพียงนี้ก็ทำให้เห็นว่า วงการปั่นหุ้นนี่มันซับซ้อนและใหญ่แค่ไหน แล้วจะมีใครเชื่อว่าวงปั่นหุ้นมันจะมีแค่เพียงเรื่องของ KIAT หรือ บมจ. เกียรติธนา ขนส่ง แค่บริษัทเดียวเท่านั้น ที่จับไม่ได้....ไล่ไม่ทันก็ไม่รู้ว่ามีอีกกี่บริษัทก็ไม่รู้นะคะ
*** ราคาหุ้นของตัวเล็กแต่ร้อนแรงอย่าง AIE ยังคงถูกไล่ราคาขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะแค่จากช่วงเดือนมีนาคม...จนถึงวันนี้ราคาหุ้นของ AIE ขยับขึ้นยมาแล้วเกือบ 80% ซึ่งก็เป็นผลมาจากกำไรปี 63 ที่มีอยู่ถึง 489 ล้านบาท เทียบกับปี 62 ที่มีผลการดำเนินงานขาดทุนสุทธิ 156 ล้านบาท ซึ่งเป็นมาจากธุรกิจน้ำมันปาล์มที่ได้อานิสงส์จากนโยบายการเพิ่มสัดส่วนผสมไบโอดีเซลจาก B7 เป็น B10 ของทางภาครัฐ ทำให้ราคาน้ำมันปาล์มมีการฟื้นตัวขึ้นจากจุดต่ำสุดของปี 63 กว่า 1 เท่าตัว
ขณะเดียวกัน บริษัทก็จะแจกปันผลในอัตรา 0.05 บาท/หุ้น และวอแรนท์ในอัตราส่วน 5 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ที่จะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 12 เม.ย. ก็มีส่วนผลักดันให้ราคาหุ้นของ AIE มีความน่าสนใจมากขึ้นไปอีก อย่าลืมจับตาดูนะคะ...ข่าววงในบอกมาว่า 2 บาทกว่าๆ มีโอกาสได้เห็นแน่นอนค่ะ
*** นานแล้วที่ไม่ได้เห็นราคาหุ้น WORK (บมจ. เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์) ของเสี่ยตา “ปัญญา นิรันดร์กุล” ไล่ราคาอย่างต่อเนื่องและรุนแรงแบบนี้ สาเหตุก็คงมาจากการที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า กำไรสุทธิปี 64 จะขยับขึ้นเป็น 217 ล้านบาท เติบโต 36% จากปี 63 ที่มีกำไรสุทธิ 159 ล้านบาท จากการฟื้นตัวของเม็ดเงินโฆษณาที่เข้ามาดีขึ้นและเรทติ้งก็ดีขึ้นในหลายรายการเมื่อเทียบกับปี 63 ที่เจอผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้มองว่าผลดำเนินงานไตรมาส 1/64 น่าจะดีขึ้นได้เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว (ไตรมาส 4/63) และอาจจะเติบโตแรงในไตรมาส 2/64 จากที่ใกล้เปิดประเทศ
สำหรับเจ๊เมาธ์ การที่ราคาหุ้นของ WORK ผ่านการพักตัวที่ระดับราคา 18-20 บาท โดยมีค่า EMA ยืนเหนือระดับ 15, 45 และ 100 ในขณะที่ค่า RSI และ MACD ต่างก็มีทิศทางที่เป็นบวก รวมถึงการมีวอลุ่มซับพอร์ตเข้ามาอย่างหนาแน่น และเมื่อเทคนิคดี...สตอรี่ได้ แบบนี้มันก็ทำให้ราคาหุ้นตัวนี้ก็มีโอกาสที่จะไปต่อได้อีกเจ้าค่ะ