วันนี้(12 ก.พ.64) นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรีกล่าวถึง น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย จี้รัฐเร่งหาตัวผู้ยิงแก๊สน้ำตาทำผู้ชุมนุมบาดเจ็บ และการปฏิบัติกับผู้ชุมนุมขัดกับหลักสากลและหลักสิทธิมนุษยชน แม้ว่าสหรัฐต่อสายตรงถึงเลขา สมช.ห่วงสถานการณ์ไทย
โดยนายสุภรณ์ ระบุว่า ในช่วงที่ประเทศอยู่ระหว่างการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 แต่กลับมีการนัดชุมนุมรวมตัวกันถือเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องแล้ว อีกทั้งการชุมนุมยังไม่ได้เป็นไปตามกฎหมายสร้างความวุ่นวายและทำให้ประชาชนเดือดร้อน
ทั้งนี้ตำรวจได้มีการแถลงแล้วว่า มีกลุ่มมวลชนไปที่ สน.ปทุมวัน กดดันให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปล่อยตัวผู้กระทำความผิด และยังมีกลุ่มบุคคลจำนวนหนึ่งได้มีการใช้ระเบิดปิงปอง ลูกบอลประทัด ก้อนหินกวด พลุควันสี ขว้างใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้ได้รับบาดเจ็บหลายนาย มีทรัพย์สินราชการเสียหาย มีการพ่นสีทำลายรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
เรื่องนี้ตนเองเชื่อว่า เป็นการกระทำที่อุกอาจเสมือนบ้านเมืองนี้ป่าเถื่อนไม่มีขื่อไม่มีแปรไร้สิ้นกฎหมาย แกนนำมีการการข่มขู่เจ้าหน้าที่และปลุกระดมให้มวลชนให้ใช้ความรุนแรงตลอดเวลา
นายสุภรณ์ ยืนยันว่า ตำรวจได้ทำตามกฎหมายทุกขั้นตอน พร้อมขอให้โฆษกพรรคเพื่อไทยอย่าตำหนิรัฐบาล หรือโยนความผิดให้กับเจ้าหน้าที่เท่านั้น ขอให้มองการกระทำของกลุ่มผู้ชุมนุมด้วย อย่าได้เข้าข้างผู้ชุมนุมเพราะจะเป็นการส่งเสริมให้คนทำผิดกฎหมายบ้านเมือง ถ้าเกิดความเสียหายไปมากกว่านี้ พรรคเพื่อไทยที่ชอบให้ท้ายผู้ชุมนุมทำผิดกฎหมายเสียเอง จะออกมารับผิดชอบหรือไม่
ส่วนที่โฆษกพรรคเพื่อไทยอ้างอิงถึงที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ โทรศัพท์พูดคุยกับ พล.อ.ณัฏพล นาคพาณิชย์ เลขาฯ สมช. แสดงความกังวลถึงการชุมนุมประท้วงในไทยนั้น นายสุภรณ์ ระบุว่า เรื่องนี้เลขาฯ สมช.ชี้แจงแล้วว่า เป็นการพูดคุยแนะนำตัวสร้างความคุ้นเคยเพื่อประสานงานตามธรรมเนียม โดยไม่มีการพูดคุยเรื่องการเมือง หรือการบังคับใช้กฎหมาย มาตรา 112 กับผู้จาบจ้วงให้ร้ายสถาบัน เลขาฯ สมช.ยืนยันชัดเจนไม่ได้พูดประเด็นนี้ มีแต่โฆษกพรรคเพื่อไทย เอามายืนยันเช่นนี้ หวังตีกินทางการเมืองจนทำให้หน้าแตกเย็บไม่ติด เพราะไม่รอฟังคำชี้แจงจากเลขาสมช.ก่อน
“โฆษกพรรคเพื่อไทยไม่ควรรีบออกมาพูดก่อนที่จะรอให้มีข้อเท็จจริงออกมาก่อน เพราะจะสร้างความสับสนให้กับประชาชน และขออย่าเอาประเด็นต่างๆมาพูดเพื่อทำลายบรรยากาศทางการเมืองจนเกิดความวุ่นวายเพื่อปลุกระดมเข้าข้างกลุ่มของตัวเองอีกเลย และหัดยอมรับความจริงด้วยว่ากลุ่มของตัวเองได้ทำอะไรผิด หรือสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนอย่างไรไว้บ้าง ไม่ใช่จะมากล่าวหาแต่รัฐบาลหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจเพียงฝ่ายเดียว”
นายสุภรณ์ กล่าวอีกว่า เป็นห่วงพรรคเพื่อไทยที่ใช้โฆษกแต่ละคนอ่อนหัดและอ่อนพรรษาทางการเมือง ยิ่งจะทำให้พรรคเสื่อมและสิ้นศรัทธาจากประชาชน ตลอดจนสมาชิกพรรคจะเบื่อหน่ายเอือมระอา จนในที่สุดพรรคเพื่อไทยจะเป็นพรรคต่ำสิบ หรือ สาบสูญ สิ้นสลายหายไปจากวงการเมืองไทยในเร็ววันนี้