“แรมโบ้”ล้วงตับฝ่ายค้านชงข้อสอบให้รัฐมนตรีสู้ศึกซักฟอก

วันนี้(8 ก.พ.) ที่สำนักงานข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เดิม ถนนพิษณุโลก นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมคณะทำงานสนับสนุนผู้ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ครั้งที่ 2 ว่า ทีมวอร์รูมนอกสภาจะพูดคุยกันทุกวันจนเสร็จสิ้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพื่อเตรียมข้อมูล หลักฐานที่เป็นประโยชน์ต่อนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ และเตรียมข้อมูลในบางประเด็นสนับสนุนให้กับพรรคร่วมรัฐบาลในการชี้แจงข้อเท็จจริง หากถูกพรรคฝ่ายค้านกล่าวหาบิดเบือนอันเป็นเท็จ

และประเด็นสำคัญในญัตติที่เราไม่เห็นด้วยและขอให้ถอนในเรื่องที่แตะต้องสถาบัน แต่ผู้นำฝ่ายค้านยังมีปฏิกิริยาเพิกเฉย โดยเฉพาะข้อกล่าวหานายกฯที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องสถาบัน จึงมีมติมอบให้ นายทศพล เพ็งส้ม กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าทีม ตั้งคณะทำงานวอร์รูม เพื่อเตรียมรวบรวมข้อมูลในการดำเนินคดีตามกฎหมาย ไม่ว่าจะมาตรา 112 หรือมาตราใดก็ตาม ที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ หรือความเสียหายต่อบุคคล คือนายกฯและรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ

นายสุภรณ์ กล่าวอีกว่า จะไม่รอให้มีการอภิปรายก้าวล่วงสถาบันพระมหากษัตริย์จนเสร็จสิ้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ถ้าพบว่าส.ส.ฝ่ายค้านท่านใดอภิปรายบิดเบือนข้อเท็จจริง เกิดความเสียหาย เราจะดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษในทันที เพื่อเตือนสติส.ส.ฝ่ายค้าน ที่คิดจะใช้เวทีนี้เป็นเครื่องมือในการอภิปรายพาดพิงสถาบัน และเราจะสื่อสารถึงประชาชนที่อยู่ทางบ้านหรือต่างจังหวัดที่ได้รับชมการถ่ายทอดของสภา ฟังแล้วรับไม่ได้ ก็สามารถร้องทุกข์กล่าวโทษแจ้งความที่สถานีตำรวจได้ทันที

“ไม่ต้องห่วง เราจะมีฝ่ายกฎหมายของเราไปดูแลและช่วยเหลือในเรื่องการดำเนินคดีตามข้อกล่าวหาที่ไปร้องทุกข์กล่าวโทษในมาตรา 112 และภายในสัปดาห์นี้เราจะเตรียมข้อสอบที่ได้มาทั้งทางลับ ใต้โต๊ะ หรือบนดิน ก็แล้วแต่ ที่ไปล้วงตับฝ่ายค้านมา จะส่งสรุปให้รัฐมนตรี”

เมื่อถามว่าหากฝ่ายค้านอภิปรายเข้าข่ายหมิ่นเหม่จะเสนอให้มีการประชุมลับหรือไม่ หรือจะให้รับผิดชอบในคำพูดของตัวเอง นายสุภรณ์ กล่าวว่า มั่นใจว่าประธานวิปฝ่ายรัฐบาลได้เตรียมความพร้อมแล้ว และมั่นใจว่าส.ส.ซีกรัฐบาลไม่ยอม และลุกขึ้นประท้วงอย่างแน่นอน

ด้าน นายทศพล กล่าวว่า ขณะนี้ทางผู้ช่วยรัฐมนตรีหลายท่าน ได้รวบรวมข้อมูลต่างๆ มาให้ตน โดยจะจัดเป็น 2 ทีม ทีมแรกดำเนินคดีเกี่ยวกับเรื่องสถาบัน จะดูว่าใครเป็นคนพูด ใครเป็นผู้สนับสนุนหรือรู้เห็นเป็นใจให้พูด เช่นคนเตรียมข้อมูลที่ไม่ถูกต้องเราจะดำเนินคดี ซึ่งจัดทีมสตาฟไว้แล้ว ส่วนอีกทีมจะดูเกี่ยวกับส.ส.ฝ่ายค้านที่อภิปรายทำให้รัฐมนตรีได้รับความเสียหาย นอกเหนือจากความคุ้มครองตามกฎหมาย ตามรัฐธรรมนูญ และข้อบังคับของการประชุมสภา