"กสิกรไทย" เปิด 10 แนวทางลงทุนปี 64 สร้างผลตอบแทน 5%

16 ธ.ค. 2563 | 21:05 น.

"กสิกรไทย" แนะ 10 เทรนด์ลงทุนปี 64 ฝ่าโควิด เล็งสร้างผลตอบยั่งยืน 5%พร้อมขยายฐานลูกค้าใหม่จากสถาบันการเงินอื่น-ต่อยอดLandLoanอีก1.5 หมื่นล้าน

นายจิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์ Private Banking Group Head ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า “จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ส่งผลให้ราคาหุ้นทั่วโลกปรับลดลงแรงในช่วงต้นปี ก่อนที่จะค่อยๆ ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง จนหลายๆ ตลาดปรับตัวสูงขึ้นกว่าก่อนการแพร่ระบาดด้วยซ้ำ เช่น ตลาดหุ้นจีน A-Share ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดหุ้นญี่ปุ่น 


ท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้ ธนาคารฯ ก็ยังเชื่อมั่นในกลยุทธ์การลงทุนด้วยหลักการกระจายความเสี่ยงทั้งใน Core และ Satellite ควรลงทุนในหุ้นสัดส่วน 60%  เช่น กองทุน K-GA กองทุน K-CCTV ที่เป็นการรวมหุ้นจีน A-shares กองทุน K-CHANGE ที่เป็นกองทุนรวมหุ้นที่สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อโลก และ กองทุน K-HIT ที่รวมหุ้น 4 Mega trends  


ทั้งนี้กลยุทธ์การลงทุนของธนาคารฯ ยังคงแนะนำให้ลูกค้าถือพอร์ต K-Alpha ต่อ ควบคู่กับพอร์ต Aspiration ในสัดส่วน 10% สำหรับลูกค้าที่รับความเสี่ยงได้ไม่มากและเน้นการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก (Alternatives) ที่เป็นการลงทุนระยะยาว โดยรวมในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ยังคงแนะนำให้ลูกค้าเลือกลงทุนในหุ้นสัดส่วน 70%

ที่สำคัญแนะนำ 10 แนวทางลงทุนในปี 2564 ได้แก่1.ยังคงเลือกลงทุนในหุ้นโลกและกองทุนซึ่งมีแนวโน้มเติบโตในครึ่งปีแรก 2. โฟกัสการลงทุนในหุ้นเอเชียเป็นสำคัญ 3. เลือกลงทุนในหุ้นที่เปลี่ยนแปลงตามวัฏจักรของเศรษฐกิจทั้ง Small และ mid-cap 4.ต้อง Balance พอร์ตการลงทุนเพราะความเสี่ยงยังคงมีอยู่ 5. สำหรับผู้ฝากเงินต้องมองหาตราสารที่ให้ผลตอบแทนสูงแต่ความเสี่ยงสูงในตลาดเกิดใหม(EM High Yield)

 

6.อย่าทิ้งทองคำ 7.ถ้ามีโอกาสแนะนำให้ลงทุนหุ้นนอกตลาดและตราสารหนี้ (Private assets และ Hedge Funds)8.ระวังสินทรัพย์ที่เป็นสกุลเงินดอลลาร์ โดยเฉพาะทุกการลงทุนที่ต้องป้องกันความเสี่ยงอย่างต่อเนื่องเมื่อรู้เทรนด์สกุลเงินดอลลาร มีแนวโน้มจะอ่อนค่าลง  9.เลือกลงทุนในประเทศภูมิภาคเช่นหุ้นเพื่อเพิ่มแต้มต่อจากการแข็งค่าของสกุลเงินในประเทศภูมิภาคเมื่อสกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่า และ10. การลงทุนแบบยั่งยืน(sustainable investment)โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

 


 

สำหรับแนวทางดำเนินงานของกสิกรไทย ไพรเวทแบงก์ นายจิรวัฒน์ระบุว่า ธนาคารตั้งเป้าขยายสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) เติบโตในอัตรา10- 15%โดยมาจากลูกค้าใหม่และลูกค้าเก่า(ส่วนหนึ่งเป็นการยกระดับลูกค้าเก่าจาก กลุ่ม Wisdom200 -300 รายต่อปีและจากสถาบันการเงินอื่นที่นำสินทรัพย์ให้กสิกรไทยบริหาร)


โดยเฉพาะ บริการที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ ที่ให้คำปรึกษาเรื่องการใช้ประโยชน์ที่ดิน จากที่ได้พูดคุยกับลูกค้าที่กังวลเรื่องภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พบว่ากว่า 90% เป็นที่ดินที่ยังรอ และยังไม่พร้อมพัฒนา ซึ่งทำให้ลูกค้าต้องเสียภาษีในอัตราสูง

 
ธนาคารฯ จึงเชื่อว่าผลิตภัณฑ์ Land Loan for Investment จะเป็นส่วนสำคัญในการเพิ่มสินทรัพย์ภายใต้การจัดการของธนาคารฯ ได้ โดยปัจจุบันมีลูกค้ากว่า 300 รายให้ความสนใจมีที่ดิน 2,000แปลง 6,000โฉนด มูลค่ารวม 2แสนล้านบาท


"ส่วนการปล่อยกู้เพื่อให้ลูกค้านำเงินมาลงทุนกับธนาคาร โดยมีหลักประกันเป็นที่ดินนั้นมีลูกค้าแล้ว 90 ราย อนุมัติวงเงินไปแล้ว 8,915 ล้านบาท อยู่ระหว่างดำเนินการอีกกว่า 5,158 ล้านบาทและธนาคารยื่นขออนุญาตจากธปท.เพื่อปล่อยกู้รอบใหม่อีก1.5หมื่นล้านบาทหลังจากรอบแรกได้รับอนุญาต1.5ล้านบาท”


ปัจจุบันกสิกรไทยมีฐานลูกค้าจำนวน 12,159ราย AUM 806,741ล้านบาท(เป็นเงินลงทุน543,732ล้านบาทที่เหลือเป็นเงินฝากราว3แสนล้านบาท) ทั้งนี้ ผลตอบแทนในรอบปีที่ผ่านมากสิกรไทยมีผลงานยึดโยงกับกองทุน K AlPha ซึ่งผลตอบแทนเฉลี่ยของพอร์ต 4% ถ้าลูกค้ารับความเสี่ยงสูงได้ผลตอบแทนอยู่ที่ 9%สำหรับปีหน้าผลติบแทนจากกองทุนK AlPhaคาดว่าจะอยู่ที่ 5%ส่วนพอร์ตลงทุนรวมกว่า5แสนล้านบาทผลตอบแทนจะได้ลงอยู่ที่ 3%