“แฮปปี้ ช้อปปิ้ง” ปรับแผนปี 64 แตกไลน์ผลิตคอนเทนต์ 

08 ธ.ค. 2563 | 08:37 น.

“แฮปปี้ ช้อปปิ้ง” โตสวนกระแสโควิด โกยยอดทะลุ 530 ล้าน ปรับแผนปี 64  รุกอีคอมเมิร์ซ-คอนเทนต์  

นางสาวอภิรวี พิชญเดชะ กรรมการผู้จัดการบริษัท แฮปปี้ โปรดักส์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด (happy group) เปิดเผยว่า ในปี 2564 บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะมียอดขาย 600 ล้านบาท มาจาก 3 ช่องทางหลัก ได้แก่ TV  62% Online  22%  และ Outbound 16%   โดยแผนดำเนินธุรกิจแบ่งออกเป็น 1. การเพิ่มเส้นเวลาของ happy shopping ในช่วงเรทติ้งที่ดีของช่อง Nation 22 ซึ่งเป็นการสนับสนุนแพลตฟอร์มคอมเมิร์ซให้เติบโตและแข็งแกร่งมากขึ้น

 

2. รุกหนักช่องทางออนไลน์ให้มากขึ้น โดยตั้งเป้าที่จะมียอดขายเติบโต 200% จากปีนี้ที่ปิดยอดขายได้ 54 ล้านบาท โดยมีแผนเตรียมที่จะพัฒนาระบบ  E-commerce ทั้งแนวทางสร้างแพลตฟอร์มซื้อขายในรูปแบบดอทคอม (.com) พร้อมกับการเปิดตัว Mobile application เร็ว ๆ นี้

 

3. การเดินหน้า “ปั้นแบรนด์” กลุ่มสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ภายใต้ชื่อ happy life+ ให้เป็นที่รู้จักในตลาดและเดินหน้าทำการตลาดแบรนด์นี้อย่างจริงจัง โดยเฉพาะกลุ่มอาหารเสริมทั้ง 5 แบรนด์ในปัจจุบัน และมีแผนจะเพิ่มอีก 8 แบรนด์สินค้าทั้งในกลุ่มอาหารเสริมจำนวน 4 สินค้า และกลุ่มบิวตี้จำนวน 4 สินค้า พร้อมขยายช่องทางการตลาด “นอกบ้าน”

อภิรวี พิชญเดชะ

นอกเหนือจากการขายผ่านแพลตฟอร์มหลักของ happy shopping แล้ว ยังขายผ่านช่องทางดิจิทัลทีวีและโฮมช้อปปิ้งรายอื่น ตลอดจนช่องทางซื้อขายผ่าน Beauty Store และ Drugstore ทั้งช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ ซึ่งปัจจุบันมีจำหน่ายแล้วที่ [email protected], ThailandBest.com, Lazada, Shopee, Priceza เป็นต้น

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘แฮปปี้ กรุ๊ป’ แตกไลน์ เปิดเว็บไซต์ ชิมลางอี-คอมเมิร์ซ

J&C ปรับกลยุทธ์ดันรายได้สิ้นปีโตอีก 10%

 

“สำหรับแผนการจัดการสินค้านั้น วางแผนที่จะเพิ่มจำนวนสินค้าในช่องทางต่าง ๆ มากขึ้น โดยช่องทางทีวีจะเพิ่มขึ้น 30% ส่วนช่องทางออนไลน์จะเพิ่มจำนวนอย่างก้าวกระโดดขึ้นอีก 733% เพื่อรองรับกับการขยายตัวของตลาดและกำลังซื้อผู้บริโภคในรูปแบบออนไลน์”

 

4. การเพิ่มบทบาทใหม่ในการเป็นผู้ผลิต TV Content โดยมีแผนจะผลิตรายการให้กับทางช่อง Nation 22  ซึ่งจะผลิตในระยะเริ่มต้นที่ 1-2 รายการ และจะมีขาย Media ในรายการด้วย ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญของ happy shopping ที่จะมีการเปิดตัวเร็วๆนี้ นอกจากนั้นยังมุ่งเน้นเรื่องการบริหารจัดการต้นทุน (Cost Management) โดยเฉพาะการขนส่ง โดยจะเจรจากับพาร์ทเนอร์เพื่อให้สามารถควบคุมต้นทุนได้ตามแผน

“แฮปปี้ ช้อปปิ้ง” ปรับแผนปี 64 แตกไลน์ผลิตคอนเทนต์ 

สำหรับผลประกอบการในปีนี้สามารถปิดยอดขาย 530 ล้านบาท เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้เติบโตเกินเป้าหมาย 30%  โดยมีแผนเร่งยอดขายปลายปีด้วยการจัดแคมเปญ "Happy Festival" นำเสนอทั้งสินค้าใหม่และสินค้าขายดีของ happy shopping ที่เหมาะเป็นของขวัญในเทศกาลปีใหม่ในราคาพิเศษสุดระหว่างวันที่ 25 พ.ย 2563 - 5 ม.ค 2564 โดยตั้งเป้ารายได้ไว้ราว 50 ล้านบาทจากแคมเปญนี้

 

ทั้งนี้แฮปปี้ ช้อปปิ้งมีฐานข้อมูลลูกค้า (Data) มากกว่า 2 แสนรายหลังจากที่เปิดดำเนินธุรกิจมา 17 เดือนและต้องเผชิญกับวิกฤตโควิด-19  อย่างไรก็ดีในช่วง Work from Home  (เดือนเมษายนถึงมิถุนายน) พบว่ายอดขายพุ่งขึ้นจากเป้ากว่า 30% จากการปรับตัวไว แก้เกมตลาดด้วยการส่งสินค้าไฮไลท์สร้างรายได้หลัก อย่างกลุ่มสินค้าอาหารเสริม (Food Supplement) แบรนด์ Vita Daily, ผลิตภัณฑ์  Calcimac CII  และกาแฟ Arabliss

 

ขณะที่หลังสถานการณ์คลี่คลาย พบสินค้าในกลุ่ม Living Kitchen มียอดขายลดลงกว่า 15% อีกทั้งยังพบว่าราคาเฉลี่ยที่ลูกค้าซื้อ (Ticket Size) ลดลงเหลือ 1,590 บาท จากเดิม 1,890 บาทต่อใบสั่งซื้อ แต่ในทางกลับกันมีปริมาณการสั่งซื้อเพิ่มเข้ามามากขึ้น และเห็นชัดว่าพฤติกรรมลูกค้ายังคงซื้อสินค้าซ้ำและต่อเนื่องทั้งจากวิธีกระตุ้นการขายจากบริษัท (Outbound) และตัวลูกค้าโทรเข้ามาสั่งซื้อเอง ซึ่งลูกค้าหนึ่งรายจะซื้อซ้ำในกลุ่มอาหารเสริม 3 – 4 ครั้งต่อปี