ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2563 เทศบาลนครเชียงใหม่ ร่วมกับธนาคารกรุงไทย เปิดจุดให้บริการ ร้านค้าคนละครึ่ง 5 จุดในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ร้านค้าเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งของรัฐ หวังกระตุ้นยอดขาย เริ่มจุดแรกที่อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ มีผู้มาขอลงทะเบียนไม่ต่ำกว่า 100 ราย ปัจจุบันถนนคนเดินมีร้านค้าทั้งหมด 2,683 ร้านค้า เปิดให้บริการแล้วประมาณ 80%
นายทัศนัย บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ กล่าวว่า ที่ผ่านมามีพ่อค้าแม่ค้าจำนวนมาก มาติดต่อขอเข้าร่วมโครงการ"คนละครึ่ง" แต่ทางเทศบาลนครเชียงใหม่ไม่สามารถดำเนินการให้ได้ เนื่องจากระเบียบกำหนดให้กำนันผู้ใหญ่บ้านเป็นผู้รับรอง ซึ่งในเขตเทศบาลนครไม่มีกำนันผู้ใหญ่บ้าน กระทบผู้ค้าที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการนี้ ที่เสียโอกาสในการขายไป ซึ่งได้พยายามให้แนวทางแก้ไขอย่างเร่งด่วน จึงร่วมกับธนาคารกรุงไทยจัดเจ้าหน้าที่ออกให้บริการรับขึ้นทะเบียนร้านค้าเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งตามจุดต่าง ๆ ที่กระจายทั่วเขตเทศบาลนครเชียงใหม่
สำหรับผู้ที่ไม่สะดวกตามตาราง สามารถมารับบริการได้ที่ที่ทำการแขวงทุกแขวง หรือที่สำนักปลัด สำนักงานเทศบาลนครเชียงใหม่ โดยให้เตรียมเอกสารมาให้ครบถ้วน เพื่อรีบเข้าร่วมโครงการ เพราะรัฐบาลมีนโยบายค่อนข้างชัดเจนแล้วว่าจะต่ออายุโครงการออกไป โดยส่วนตัวมองว่าอาจต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อยสองปีจึงจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจรอบนี้ได้
ปัจจุบันถนนคนเดินเชียงใหม่ ปัจจุบันมีจำนวนร้านค้าประมาณ 2,683 ร้านค้า เปิดให้บริการแล้วประมาณ 80% ร้านค้าในถนนคนเดินส่วนใหญ่ได้ลงทะเบียนคนละครึ่งอยู่แล้ว เพราะตัวพ่อค้าแม่ค้าส่วนใหญ่มาจากนอกพื้นที่เขตเทศบาลนครเชียงใหม่ ขณะที่พ่อค้าแม่ค้าในเขตเทศบาลฯไม่มีกำนันผู้ใหญ่บ้านที่้จะลงนามรับรอง จึงได้ประสานทางกระทรวงมหาดไทย ต่อมารัฐบาลได้ปลดล็อกข้อจำกัด ขยายให้นายกเทศมนตรีฯสามารถลงนามรับรองได้ จึงได้มอบอำนาจให้กับเจ้าหน้าที่เพื่อบริการประชาชน ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในสำนักงาน จำนวน 5 ท่าน ประกอบด้วยหัวหน้าฝ่ายปกครอง หัวหน้าฝ่ายอำนวยการที่ดูแลถนนคนเดิน และในส่วนของแขวงอีก 4 แขวง ลงนามรับรองได้ ถ้าชาวบ้านมาก็สามารถอำนวยความสะดวกเซ็นต์รับรองให้ได้ทุกที่ที่เป็นสำนักงานเทศบาลด้วย ทั้งนี้ ตลาดถนนคนเดินวันอาทิตย์คึกคัก มีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก และถ้ามีร้าน”คนละครึ่ง”จำนวนมาก ให้ประชาชนและให้นักท่องเที่ยวได้ใช้บริการ ก็ทำให้เงินสะพัดมากขึ้นด้วยตลาดสดเชียงใหม่คึกคัก ประชาชนออกมาใช้จ่ายตาม “โครงการคนละครึ่ง” จำนวนมาก ช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย ขณะที่ผู้ประกอบการบอกว่ามีรายได้เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สนามบินแทบแตกเที่ยว"เชียงใหม่"รับหนาว
"ท่องเที่ยวเชียงใหม่"ฟื้นหยุดยาวทะลักเที่ยว"รับหนาว"
ระดมสมองเร่ง ฟื้นท่องเที่ยว หลังโควิด เชียงใหม่บุก‘Gastronomy tourism’-ระนองมุ่ง‘เที่ยวปลอดภัย’
นอกจากถนนคนเดิน ผู้สื่อข่าวสำรวจตลาดศิริวัฒนา อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ พบบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนเป็นไปอย่างคึกคัก ผลพวงมาจาก“โครงการคนละครึ่ง” ขณะที่ร้านค้าภายในตลาดได้เข้าร่วมโครงการเกือบทุกร้าน จากการสอบถามผู้ประกอบการต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นโครงการที่ดี ช่วยกระตุ้นยอดขายให้เพิ่มมากขึ้นเกือบเท่าตัว เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่หันมาซื้อของในตลาด หรือร้านขายของชำมากกว่าไปซื้อตามห้างสรรพสินค้าหรือร้านค้าปลีกรายใหญ่ ทำให้สามารถกระจายรายได้ลงสู่ผู้ประกอบการรายย่อยได้เป็นอย่างดี ขณะที่ประชาชนผู้เข้าร่วมโครงการฯบอกว่า อยากให้รัฐบาลทำโครงการนี้ต่อไป เพราะสามารถช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของครอบครัว และทำให้ซื้อสินค้าได้มากขึ้น
สำหรับจังหวัดเชียงใหม่ โครงการคนละครึ่ง มีผู้ประกอบการร้านค้าสมัครเข้าร่วมมากกว่า 21,000 ร้านค้า โดยกระจายทั่วทุกอำเภอ โดยมากที่สุด 3 อันดับแรก คือ อำเภอเมืองเชียงใหม่ อำเภอสันทราย และอำเภอสันกำแพงตามลำดับ
เจ้าของร้านขายข้าวสาร ตลาดศิริวัฒนา บอกว่า เมื่อก่อนที่จะมีโครงการคนละครึ่งเหมือนคนหายไปเลยก็ไม่รู้เหมือนกันเพราะอะไร แต่พอมีโครงการนี้คนที่หายไปตั้งนานแล้วกลับมาซื้อ มีลูกค้ารายใหม่ เพิ่มขึ้น บางคนเปิดเป็นร้านอาหารตามสั่ง ร้านค้าที่ไม่เคยมาซื้อของเรา พอมาได้คนละครึ่งก็มาซื้อ เพราะร้านของเรามาเข้าโครงการ เพราะว่าร้านที่เขามาซื้อประจำไม่ได้เข้าโครงการฯ ก็เลยหันมาซื้อที่เรา สรุปโครงการนี้ก็กระตุ้นการใช้จ่ายจริงๆ ดีกว่าโครงการก่อนๆเยอะ ได้ทั้งคนซื้อคนขายรายย่อยทำให้ รายได้พุ่งขึ้นเยอะเหมือนกัน บางวันก็สูงขึ้นเท่าตัว
ด้านร้านบุฟเฟ่ต์ขนมจีนวัดเกตุ มีโครงการ คนละครึ่งเข้ามา ลูกค้าเพิ่มขึ้นประมาณ 40-50% ถ้าเป็นวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ เพิ่มเท่าตัวโครงการนี้ถือว่ารัฐบาลทำได้ตรงจุดแล้ว เป็นโครงการที่ดีมาก ที่เรายังมีบัตรสะสมแต้ม ให้กับลูกค้าด้วย