หลังจากที่รัฐบาลเดินหน้าขับเคลื่อนมาตรการเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชาวนาออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยได้อนุมัติ โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2563/64 หรือประกันรายได้ข้าว ซึ่งมีเกษตกรขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตรกว่า 8.79 แสนครัวเรือน โดย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะดำเนินการโอนเงินส่วนต่างราคาประกันรายได้ข้าวให้ธนาคารแต่ละสาขานั้น
นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม รองอธิบดีรักษาราชการแทนอธิบดีกรมการค้าภายใน ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้ข้าว เปิดเผยว่า ได้พิจารณาราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงและการชดเชยส่วนต่างราคาตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 2563/64 งวดที่ 3 โดยมีมติจ่ายเงินส่วนต่างให้กับเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2563/64 ที่ระบุวันที่คาดว่า จะเก็บเกี่ยวตั้งแต่วันที่ 16-22 พ.ย. 2563 จำนวน 5 ชนิด ซึ่งทุกชนิดยังมีราคาต่ำกว่าราคาเป้าหมายที่กำหนดตามโครงการที่ประกันรายได้ คือ
-ข้าวเปลือกหอมมะลิ
-ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่
-ข้าวเปลือกเจ้า
-ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี
-ข้าวเปลือกเหนียว
โดยผลการพิจารณาราคาตลาดปัจจุบันกับราคาที่เป้าหมาย พบว่า
ข้าวเปลือกหอมมะลิ อยู่ที่ตันละ 11,940.67 บาท มีส่วนต่างที่ต้องจ่ายตันละ 3,059.33 บาท
ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 11,718.59 บาท มีส่วนต่างตันละ 2,281.41 บาท,
ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 8,963.80 บาท มีส่วนต่างตันละ 1,036.20 บาท,
ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 9,944.39 บาท มีส่วนต่างตันละ 1,055.61 บาท
ข้าวเปลือกเหนียว ตันละ 11,003.42 บาท มีส่วนต่างตันละ 996.58 บาท
ทั้งนี้ ราคาข้าวในตลาดมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากยังคงมีความต้องการของตลาดสูงอยู่
สำหรับงบประมาณโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2563/64 ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติเบื้องต้น เมื่อวันที่ 3 พ.ย. 2563 จะใช้สำหรับจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างราคาให้กับเกษตรกรในงวดที่ 1 และ 2 ที่แจ้งวันที่คาดว่าจะเก็บเกี่ยวจนถึงวันที่ 14 พ.ย. 2563
ส่วนการจ่ายเงินสำหรับเกษตรกรที่แจ้งวันที่คาดว่า จะเก็บเกี่ยวตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย. 2563 เป็นต้นไป
ขณะนี้ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เตรียมเงินสำหรับจ่ายชดเชยโครงการประกันรายได้ข้าวอย่างเพียงพอเรียบร้อยแล้ว และ กระทรวงพาณิชย์ได้เสนอครม. เพื่อพิจารณาอนุมัติกรอบวงเงินชดเชยประกันรายได้ข้าว และเมื่อ ครม. อนุมัติก็จะโอนเงินให้เกษตรกรได้ทันที จึงฝากไปถึงเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2563/64 กับกรมส่งเสริมการเกษตรว่าจะได้รับเงินตามโครงการอย่างแน่นอน