ทุ่ม 7 พันล.เปิด "เมดพาร์ค" ฮับการแพทย์ใหม่ในอาเซี่ยน

21 ต.ค. 2563 | 09:36 น.

ทีพีพี เฮลท์แคร์ฯ ทุ่ม 7,000 ล้านบาท เปิด “โรงพยาบาลเมดพาร์ค” ย่านพระราม 4 เฟนแรกชูจุดเด่นบริการทางแพทย์มาตรฐานสากลสำหรับโรคยากและซับซ้อน หวังดันไทยแท่น Medical Hub ในอาเซี่ยน

นายแพทย์พงษ์พัฒน์ ปธานวนิช รองประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีพีพี เฮลท์แคร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยว่า โรงพยาบาลเมดพาร์ค เกิดขึ้นจากการรวมตัวกันของแพทย์ผุู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางจากหลากหลายสาขาที่มีประสบการณ์และความชำนาญสูง  ด้วยมูลค่าลงทุนระยะแรกกว่า 7,000 ล้านบาท บริษัท โรงพยาบาลมหาชัย จำกัด (มหาชน) 42.50%, บ.ทีพีพี โฮลดิ้ง จำกัด 25% และผู้ถือหุ้นอื่นๆ ด้วยต้องการสร้างนิยามใหม่ภายใต้แนวคิดที่เป็นมากกว่าโรงพยาบาล ซึ่งไม่เพียงเป้าหมายสู่การเป็นศูนย์กลางบริการทางการแพทย์เฉพาะทางระดับ (Super Tertiary care) ที่มีคุณภาพมาตรฐานระดับสากล ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันในทุกรายละเอียดที่จะเปิดประสบการณ์ใหม่ให้กับคนไข้ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

ทุ่ม 7 พันล.เปิด "เมดพาร์ค" ฮับการแพทย์ใหม่ในอาเซี่ยน

โดยตั้งอยู่ในย่านธุรกิจแห่งใหม่ บนถนนพระราม 4 ประกอบด้วยอาคาร 25 ชั้น พื้นที่ประมาณ 90,000 ตารางเมตร สามารถให้บริการห้องตรวจผู้ป่วยนอกถึง 300 ห้อง และรองรับผู้ป่วยค้างคืนได้สูงสุด 550 เตียงเมื่อเปิดให้บริการเต็มโครงการ มีแพทย์เฉพาะทางกว่า 30 สาขา ซึ่งทีมแพทย์หลักเกือบ 70% ผ่านการฝึกอบรมในต่างประเทศ ทั้งแพทย์ที่จบอเมริกันบอร์ด และผ่านหลักสูตรการอบรมในอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น และไต้หวัน เป็นต้น ซึ่งล้วนเป็นแพทย์ที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับทั้งในระดับประเทศและนานาชาติ ทั้งนี้ เมดพาร์ค ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอแล้วสำหรับ 4 ศูนย์ ได้แก่ หัวใจ มะเร็ง ไต และ แล็บ

ทุ่ม 7 พันล.เปิด "เมดพาร์ค" ฮับการแพทย์ใหม่ในอาเซี่ยน

นอกจากนี้ เมดพาร์ค ยังมีจำนวนเตียงผู้ป่วยวิกฤตหรือไอซียูมากถึง 30% หรือ 130 เตียงเมื่อเปิดเต็มโครงการ ซึ่งเป็นสัดส่วนมากที่สุดในประเทศไทย อีกทั้งครบครันด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย สามารถรองรับผู้ป่วยวิกฤตได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ขณะที่โรงพยาบาลทั่วไปจะมีสัดส่วนของห้องไอซียูประมาณ 10% เท่านั้น สำหรับในเฟสแรก เมดพาร์ค เปิดให้บริการผู้ป่วยค้างคืนจำนวน 205 เตียง และรองรับผู้ป่วยวิกฤตจำนวน 65 เตียง โดยมีแผนขยายแผนงานเฟสต่อไปอย่างต่อเนื่อง ภายใต้งบประมาณการลงทุนรวมกันมากกว่า 1 หมื่นล้านบาท เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจการแพทย์เมืองไทย พร้อมทั้งตั้งเป้าหมายในการขึ้นแท่นฮับด้านการแพทย์ในอาเซี่ยนแทนที่สิงคโปร์

ทุ่ม 7 พันล.เปิด "เมดพาร์ค" ฮับการแพทย์ใหม่ในอาเซี่ยน

ขณะที่จุดเด่นของทางโรงพยาบาลยังมีการการคัดสรรทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พยาบาล ตลอดจนบุคลากรที่เกี่ยวข้อง เมดพาร์ค ยังให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับมาตรฐานกระบวนการดูแลคนไข้ภายใต้หลักปฏิบัติ Integrated Care โดยทีมสหสาขาวิชาชีพ เพื่อคุณภาพชีวิตและความปลอดภัยสูงสุดของผู้ป่วยเป็นสำคัญ พร้อมมอบคุณค่าของการรักษา (Value-based Care) ดูแลผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง และสอดคล้องกับการใช้ชีวิตของผู้ป่วยในสังคมปัจจุบัน

ทุ่ม 7 พันล.เปิด "เมดพาร์ค" ฮับการแพทย์ใหม่ในอาเซี่ยน

ทั้งนี้ในอนาคต เมดพาร์ค มีความมุ่งมั่นพัฒนาให้เป็นมากกว่าโรงพยาบาล โดยมีเป้าหมายยกระดับให้เป็นสถาบันการแพทย์ที่มีความเป็นเลิศทั้ง 3 ส่วนคือ การบริการทางการแพทย์ การเรียนสอน และการวิจัย เพื่อสนับสนุนให้บุคลากรเพิ่มพูนองค์ความรู้ให้ก้าวหน้าอยู่เสมอ และคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ นำไปสู่แนวทางการดูแลรักษาคนไข้ โดยเฉพาะโรคยากและซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น 

ทุ่ม 7 พันล.เปิด "เมดพาร์ค" ฮับการแพทย์ใหม่ในอาเซี่ยน

สำหรับเมดพาร์ค ถือเป็นโมเดลใหม่ที่เป็นแหล่งรวมศักยภาพของแพทย์เฉพาะทาง ซึ่งเข้ามามีส่วนร่วมในการดีไซน์ส่วนต่าง ๆ ให้ตอบสนองทุกความต้องการของคนไข้ได้อย่างแท้จริง และคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐาน LEED (Leadership in Energy and Environmental Design) รวมถึงคุณภาพชีวิตและความปลอดภัยของคนไข้ นอกจากนี้ยังเดินหน้าสร้างเครือข่ายโรงพยาบาลเอกชนต่าง ๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เพื่อร่วมมือกันพัฒนาคุณภาพการบริการทางการแพทย์ในทุกด้าน ซึ่งจะเป็นแนวทางนำไปสู่การเสริมสร้างศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์

ทุ่ม 7 พันล.เปิด "เมดพาร์ค" ฮับการแพทย์ใหม่ในอาเซี่ยน

“เราตั้งเป้าสู่การเป็น Medical Hub ในอาเซี่ยน แน่นอนว่าจะต้องมีการแข่งขันและพัฒนาขีดความสามารถด้านการรักษาแบบเฉพาะทางเพิ่มมากขึ้น เพื่อรองรับการแข่ง้ขันและดึงดูดนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะสิงคโปร์ ที่แม้มีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าไปรับการรักษาตัวเพียง 8 แสนคนต่อปีแต่ทว่ากลับมีรายได้มากกว่าไทยถึง 4 เท่า ในขณะที่ไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามารักตัวตัว 3 ล้านคนต่อปีและมีรายได้ที่ 4,000 ล้านบาทดอลล่าสหรัฐ หรือราว 1.2 แสนล้านบาท เนื่องจากส่วนใหญ่เข้ามารักษาโรคทั่วไป ไม่เหมือนสิงคโปร์คนนิยมเดินทางไปรักษาโรคยากและซับซ้อน ทำให้ทางโรงพยาบาลเราโฟกัสการรักษาโรคเฉพาะทาง ที่ยุ่งยากซับซ้อนมากขึ้น เพื่อเป็นการดึงรายได้เข้าประเทศอีกทางหนึ่ง”