"หมอธีระ"ชี้โควิด-19 เมียนมารุนแรงขึ้นมาก ติดเพิ่มอีก 1,910 คน

12 ต.ค. 2563 | 01:17 น.

"หมอธีระ"ชี้โควิด-19 เมียนมารุนแรงขึ้นมาก ติดเพิ่มอีก 1,910 คน ตายเพิ่มอีกถึง 48 คน ตอนนี้ยอดรวมถึง 27,974 คน ตายสะสม 646 คน อัตราตายตอนนี้ 2.3% ยอดติดเชื้อสะสมแซงออสเตรเลียไปเรียบร้อยแล้ว

12 ตุลาคม 2563 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความถึงสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลกล่าสุด 12 ตุลาคม 2563 ผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat  ระบุว่า เมื่อวานติดเพิ่มอีก 271,398 คน รวมแล้วตอนนี้ 37,705,487 คน ยอดตายรวม 1,080,607 คน

 

อเมริกา ติดเพิ่ม 45,311 คน รวม 7,987,265 คน กำลังจะทะลุ 8 ล้านคน คาดว่าน่าจะช่วงเย็นนี้

 

อินเดีย ติดเพิ่ม 67,757 คน รวม 7,119,300 คน

 

บราซิล ติดเพิ่ม 12,949 คน รวม 5,095,586 คน

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ทั่วโลกติดโควิด-19 ทะลุ 37.7 ล้านราย เพิ่มขึ้น 2.7 แสนราย

พิษโควิด-19 ทำชาวเอเชียในนิวยอร์กตกงานสูงเป็นประวัติการณ์

"หมอยง"แนะ ไม่ควรใช้การเมือง มายุ่งกับการคุมโรคระบาด

 

รัสเซีย ติดเพิ่ม 13,634 คน รวม 1,298,718 คน จำนวนติดเชื้อต่อวันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

อันดับ 5-10 ตอนนี้ยังคงเป็น โคลอมเบีย สเปน อาร์เจนตินา เปรู เม็กซิโก และฝรั่งเศส ส่วนใหญ่ติดกันหลักพันถึงหลักหมื่นต่อวัน

 

สหราชอาณาจักร อิตาลี เยอรมัน เนเธอร์แลนด์ แคนาดา รวมถึงอิหร่าน บังคลาเทศ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และเมียนมาร์ติดกันเพิ่มหลักพันถึงหมื่นกว่า

 

หลายต่อหลายประเทศในยุโรปก็ยังติดกันหลักร้อยถึงหลักพัน

 

ญี่ปุ่น และมาเลเซียติดเพิ่มกันหลายร้อย ส่วนจีน สิงคโปร์ เกาหลีใต้ และออสเตรเลียติดเพิ่มกันหลักสิบ ในขณะที่ฮ่องกง เวียดนาม และนิวซีแลนด์ยังมีติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ

...สถานการณ์ในเมียนมาร์รุนแรงขึ้นมาก ติดเพิ่มไปอีกถึง 1,910 คน ตายเพิ่มอีกถึง 48 คน ตอนนี้ยอดรวมถึง 27,974 คน ตายไปมากถึง 646 คน อัตราตายตอนนี้ 2.3% ยอดติดเชื้อสะสมแซงออสเตรเลียไปเรียบร้อยแล้ว

 

...ภาพที่เราเห็นตอนนี้ คือ

 

หนึ่ง การลักลอบเข้าเมือง และการตรวจพบการติดเชื้อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

 

สอง จำนวนผู้ติดเชื้อที่ตรวจพบจากกลุ่มเป้าหมายต่างๆ ที่เดินทางเข้ามาสู่ประเทศ ทั้งคนไทย และคนต่างชาติ

 

สาม ข้อมูลที่ผ่านมาบ่งชี้ให้เห็นว่ามีการติดเชื้อในประเทศ โดยระบุต้นตอไม่ได้ และไม่ทราบจำนวน ไม่ทราบการกระจาย ไม่ทราบสถานการณ์ที่แท้จริง

 

สี่ การเปิดประเทศ มุ่งรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเพื่อหวังรายได้จากการท่องเที่ยว โดยการ์ดภายในประเทศไม่แข็งแรง แม้ปัจจุบันจะยังเลื่อนไปรับตอนปลายตุลาคม แต่จริงๆ แล้วก็มีเข้ามาในรูปแบบอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจหรือทำงาน

 

...ประเมินสถานการณ์ตอนนี้ หากให้คำจำกัดความ ผมจะใช้คำว่า "รอเวลาอิ่มตัว" (Time to saturated concentration)

 

ถ้าระบบรับโหลดในการดำเนินการคัดกรองกักตัวจำนวนคนมากถึงระดับหนึ่งไม่ได้ จะเกิดปัญหาด้านมาตรฐาน

 

ถ้าจำนวนคนมากถึงระดับหนึ่ง จะเห็นปัญหาการหลุดรอดมากขึ้นหรือชัดเจนขึ้น

 

หากดูข้อมูลที่คาดไว้เดิม 100,000 คน น่าจะมีคนติดเชื้อราว 500 คน และมีโอกาสหลุดรอดได้ 9-65 คน ในขณะที่สถานการณ์จริงมีคนเข้ามาราว 100,000 คน ตรวจพบว่าติดเชื้อหกร้อยกว่าคน ส่วนจะหลุดรอดมากน้อยเพียงใด ไม่มีใครรู้ รู้เพียงแต่ว่าถัดจากการเปิดเฟส 5 และเฟส 6 ราว 6 สัปดาห์ เรามีรายงานพบเคสติดเชื้อภายในประเทศ ซึ่งมีความเป็นไปได้หากดูเงื่อนเวลาเพื่อมาอธิบายความสัมพันธ์เชิง temporal relationship

 

ดังนั้นเงื่อนไขที่เราทุกคนพอจะทำได้ตอนนี้มีเพียงเรื่อง การรักตัวเอง รักครอบครัว ป้องกันตัวเสมอ

...สถานการณ์ในเมียนมาร์รุนแรงขึ้นมาก ติดเพิ่มไปอีกถึง 1,910 คน ตายเพิ่มอีกถึง 48 คน ตอนนี้ยอดรวมถึง 27,974 คน ตายไปมากถึง 646 คน อัตราตายตอนนี้ 2.3% ยอดติดเชื้อสะสมแซงออสเตรเลียไปเรียบร้อยแล้ว

...ภาพที่เราเห็นตอนนี้คือ

หนึ่ง การลักลอบเข้าเมือง และการตรวจพบการติดเชื้อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

สอง จำนวนผู้ติดเชื้อที่ตรวจพบจากกลุ่มเป้าหมายต่างๆ ที่เดินทางเข้ามาสู่ประเทศ ทั้งคนไทย และคนต่างชาติ

สาม ข้อมูลที่ผ่านมาบ่งชี้ให้เห็นว่ามีการติดเชื้อในประเทศ โดยระบุต้นตอไม่ได้ และไม่ทราบจำนวน ไม่ทราบการกระจาย ไม่ทราบสถานการณ์ที่แท้จริง

สี่ การเปิดประเทศ มุ่งรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเพื่อหวังรายได้จากการท่องเที่ยว โดยการ์ดภายในประเทศไม่แข็งแรง แม้ปัจจุบันจะยังเลื่อนไปรับตอนปลายตุลาคม แต่จริงๆ แล้วก็มีเข้ามาในรูปแบบอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจหรือทำงาน

...ประเมินสถานการณ์ตอนนี้ หากให้คำจำกัดความ ผมจะใช้คำว่า "รอเวลาอิ่มตัว" (Time to saturated concentration)

ถ้าระบบรับโหลดในการดำเนินการคัดกรองกักตัวจำนวนคนมากถึงระดับหนึ่งไม่ได้ จะเกิดปัญหาด้านมาตรฐาน

ถ้าจำนวนคนมากถึงระดับหนึ่ง จะเห็นปัญหาการหลุดรอดมากขึ้นหรือชัดเจนขึ้น

 

หากดูข้อมูลที่คาดไว้เดิม 100,000 คน น่าจะมีคนติดเชื้อราว 500 คน และมีโอกาสหลุดรอดได้ 9-65 คน ในขณะที่สถานการณ์จริงมีคนเข้ามาราว 100,000 คน ตรวจพบว่าติดเชื้อหกร้อยกว่าคน ส่วนจะหลุดรอดมากน้อยเพียงใด ไม่มีใครรู้ รู้เพียงแต่ว่าถัดจากการเปิดเฟส 5 และเฟส 6 ราว 6 สัปดาห์ เรามีรายงานพบเคสติดเชื้อภายในประเทศ ซึ่งมีความเป็นไปได้หากดูเงื่อนเวลาเพื่อมาอธิบายความสัมพันธ์เชิง temporal relationship

 

ดังนั้นเงื่อนไขที่เราทุกคนพอจะทำได้ตอนนี้มีเพียงเรื่อง การรักตัวเอง รักครอบครัว ป้องกันตัวเสมอ