‘เอพี’ นำร่อง 3 หัวเมืองใหญ่  ปั้นมิกต์ โปรดักต์ แบรนด์‘อภิทาวน์’    

    การขยาย “มิกต์ โปรดักต์” แนวราบ ออกสู่ภูมิภาค ครั้งแรก สำหรับ บริษัท เอพี ไทยแลนด์ จำกัด (มหาชน) ภายใต้ แบรนด์ใหม่ ‘อภิทาวน์’ ด้วยลูกเล่น ที่ยืดหยุ่น ปรับรูปแบบการพัฒนา ได้หลากหลาย สอดรับสถานการณ์เศรษฐกิจ ตอบโจทย์ทุกความต้องการที่อยู่อาศัย ตั้งแต่ทาวน์โฮมชั้นเดียว ไปจนถึงบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ตั้งแต่ 1.7ล้านบาทไป จนถึง 8ล้านบาทต่อหน่วย โดยเปิดพรีเซลพร้อมกัน วันที่ 21-22 พฤศจิกายน นี้   
     ด้วยตัวแปร สำคัญที่ค่ายเอพี มั่นใจ ปักหมุด ลงทุนนำร่อง โครงการ ทั้ง 3 จังหวัด  ประกอบด้วย ขอนแก่น ระยอง และ นครศรีธรรมราช ปลายปีนี้   จาก ศักยภาพ ความเป็นหัวเมืองใหญ่  มีความก้าวหน้าลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน รัฐ อย่างรถไฟทางคู่โครงการขนาดใหญ่ รถไฟฟ้า รางเบา การพัฒนาและขยายสนามบิน อย่างขอนแก่น อีกทั้งยังเป็นฮับด้านการศึกษา ด้านการแพทย์ เมืองข้าราชการ   เมืองนวัตกรรม ที่เกิดจากการร่วมมือร่วมใจระห่างเอกชนกับรัฐ ประกอบกับมีคนทั้งในพื้นที่และประชากรแฝงค่อนข้างมาก การย้ายถิ่นฐานการ ขยายครอบครัว การตั้งถิ่นฐาน จึงเกิดขึ้น ตลอดจนการจับจ่ายการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ในพื้นที่มีสูง เช่นเดียวกับระยองเมืองอุตสาหกรรม หนึ่งในจังหวัด เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี มหานครแห่งการลงทุน ที่รัฐบาลสนับสนุน อย่าง “อีอีซีไอ” หรือศูนย์นวัตกรรม การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน มูลค่า 1.5 ล้านล้านบาท ทั้งรถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน ท่าเรือ สนามบินอู่ตะเภา เมืองการบินที่สามารถเชื่อมโยงถึงกันในรัศมี 3 จังหวัดอีอีซีและจังหวัดใกล้เคียงที่ ซึ่ง  ระยองไม่ ใช่เมืองเกษตรกรรม การประมง เพียงอย่างเดียว    แต่วันนี้มีโรงงาน กว่า 3,000 แห่ง มีการขยายตัวการเติบโตการจับจ่าย รองจากกรุงเทพ มหานคร 
    ดังนั้นรูปแบบที่อยู่อาศัย ที่เอพีเน้น จะเป็นบ้านทาวน์เฮาส์ ชั้นเดียวราคา ไม่เกิน 2 ล้านบาท   แม้คนทำงานในระยองมีกำลังซื้อสูง แต่ลูกค้าส่วนใหญ่ ซื้อเพื่อพักอาศัยชั่วคราว จึงเลือกบ้านแบบเรียบง่าย ราคาเบาๆ เนื่องจาก มีบ้านหลังหลักและครอบครัวอยู่อาศัยในกทม.แล้ว   เช่นเดียวกับ นครศรีธรรมราช  เป็นเมืองใหญ่ที่มีการจับจ่ายสูงมีนักท่องเที่ยว เดินทาง เป็นว่าเล่นจากความเชื่อความศรัทธา ไอ้ไข่  อีกทั้งมีมหาวิทยาลัยมากถึง 7 แห่ง และการเป็นฮับการเดินทางภาคใต้ ส่งผลให้เอพีให้ความสำคัญปักหมุดโครงการ ทำเลดังกล่าว ซึ่งอยู่ไม่ห่าง จากสถานที่ดังกล่าวมากนัก 
    อย่างไรก็ตาม หากเทียบกับคู่แข่งขัน ที่หลายคนมองว่า  อาจเสียบเปรียบเจ้าถิ่นเรื่อง ต้นทุน ที่ดิน ความคุ้นชิน ถิ่นที่อยู่ ที่คนในพื้นที่อาจเลือกและ บิ๊กแบรนด์ที่เจาะตลาดมาก่อน หน้า แต่เอพีกลับมองว่า การมาปักหมุดครั้งนี้ น่าจะได้เปรียบกว่า ทั้งจากการทำการบ้านที่ดีและสิ่งที่โดนใจลูกค้า การใส่นวัตกรรมลงไปในตัวบ้านทุกหลัง ไม่ว่าจะระดับใดก็ตาม สิ่งเหล่านี้ที่คนในภูมิภาค จะได้รับเท่าเทียมกับคนกรุงเทพฯ  
       นายวิทการ จันทวิมล  รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บมจ. เอพี ไทยแลนด์ กล่าวว่า
    จากพันธกิจใหญ่เอ็มพาวเวอร์ ลิฟวิ่ง ที่พร้อมสนับสนุนให้ทุกคนในสังคมสามารถเติมเต็มการใช้ชีวิตได้ตามที่ปรารถนา ในวันนี้เอพีพร้อมสร้างความแตกต่างให้กับตลาดอสังหาฯ หัวเมืองใหญ่ ด้วยการขับเคลื่อนขยายขอบเขตการลงทุนเพิ่มพอร์ตโครงการเครือเอพีในต่างจังหวัด โดยนำทัพสินค้าแนวราบที่แข็งแกร่งของเรา ตอบดีมานด์ลูกค้าหัวเมืองใหญ่ที่มองหาโครงการที่อยู่อาศัยใหม่คุณภาพมาตรฐานจากท็อปแบรนด์ ผ่านแบรนด์ใหม่ ‘อภิทาวน์’ (APITOWN) ในรูปแบบโครงการแบบมิกซ์ โปรดักต์ (Mix Products) ที่จะตอบทุกความต้องการที่อยู่อาศัย ซึ่งแบรนด์ ‘อภิทาวน์’ จะอยู่ในกลุ่มสินค้าระดับกลางในพอร์ตโครงการต่างจังหวัด ซึ่งเป็นพอร์ตสินค้าใหม่ของเอพี โดยบริษัทฯ วางกลยุทธ์เลือกเจาะตลาดหัวเมืองต่างจังหวัด ผ่านศักยภาพและโอกาสในการลงทุน 4 มิติหลัก ได้แก่ 1) มิติการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเมกะโปรเจ็กต์ของภาครัฐ โดยเน้นจังหวัดที่มีความคืบหน้าของการพัฒนาโครงการที่ชัดเจนเป็นรูปธรรม 2) มิติการเติบโตทางเศรษฐกิจในหลายมิติ มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจแหล่งงานที่สร้างรายได้จากหลายเซ็กเมนต์ (อุตสาหกรรม การลงทุน การเกษตร และการท่องเที่ยว) 3) มิติการขยายตัวของความเป็นเมืองและการเติบโตของกำลังซื้อ และ 4) มิติการเป็นศูนย์กลางทางการศึกษา
หรือการแพทย์ของภูมิภาค”   
    “เอพีมั่นใจว่าทุกกระบวน การคิดพัฒนาและส่งมอบโครงการ ‘อภิทาวน์’ ทั้งจุดต่างที่เหนือกว่า ต้นแบบดีไซน์บ้านพร้อมผสานเทคโนโลยีการใช้ชีวิตที่ทันสมัย พื้นที่ส่วนกลางตอบไลฟ์สไตล์เมือง ภายใต้การบริหารจัดการทั้งก่อนและหลังโดยทีมงานคุณภาพมาตรฐานเอพี ตลอดจนการเลือกทำเลที่ตั้งและแพ็กเกจการขายที่สอดรับกับสิ่งที่ลูกค้ามองหาในแต่ละจังหวัด จะทำให้โครงการ ‘อภิทาวน์’ ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าในทุกหัวเมืองที่เราทำการเปิดตัว เช่นเดียวกับความสำเร็จในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยภายใต้แบรนด์ต่างๆ ในเครือเอพี ที่ได้รับความไว้วางใจและความมั่นใจจากลูกค้าในกรุงเทพฯ และปริมณฑลตลอดระยะเวลากว่า 29 ปีอย่างแน่นอน” 
   

 นายรัชต์ชยุตม์ นันทโชติโสภณ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจกลุ่มสินค้าบ้านเดี่ยว หนึ่งในคีย์แมนคนสำคัญของบมจ. เอพี (ไทยแลนด์) กล่าวถึงความตั้งใจในการพัฒนาและส่งมอบโครงการภายใต้แบรนด์ ‘อภิทาวน์’ ว่า “ท่ามกลางความท้าทายของตลาด แต่การที่กลุ่มสินค้าแนวราบเครือเอพียังสามารถสร้างการเติบโตทั้งยอดขายและยอดโอนได้อย่างโดดเด่น โดยมียอดขาย 9 เดือนทะลุ 20,900 ล้านบาท คิดเป็น 93% จากเป้าแนวราบทั้งปีที่ 22,500 ล้านบาท  ซึ่งสามารถการันตีกำลังซื้อและความเชื่อมั่นของลูกค้าต่อโครงการแนวราบเครือเอพีได้เป็นอย่างดี และในวันนี้กับความพร้อมเดินหน้าตามแผนงานที่วางไว้ ภายใต้พันธกิจใหญ่

เอ็มพาวเวอร์การใช้ชีวิตทุกคนในสังคมไทย โดยเราได้ยึดกระบวนการพัฒนา ผ่านแนวคิด ‘การสร้างมาสเตอร์แพลนแห่งการอยู่อาศัยที่ดีที่สุดในวันนี้ ภายใต้มาตรฐานเอพี ไทยแลนด์’ เพื่อขยายให้ครอบคลุมกับความต้องการของคนไทยในภูมิภาคต่างๆ ที่มากขึ้น ทั้งรูปแบบการดีไซน์ สเปซฟังก์ชันภายใน พื้นที่ส่วนกลางแบบจัดเต็ม รวมถึงการบริการทั้งก่อนและหลังการอยู่อาศัยที่ดีที่สุดในทุกด้าน โดยทีมงานคุณภาพ ในรูปแบบโครงการมิกซ์ โปรดักต์ทั้งบ้านเดี่ยว 1 ชั้น บ้านเดี่ยว 2 ชั้น บ้านแฝด 2 ชั้น ทาวน์โฮม 1 ชั้น และทาวน์โฮม 2 ชั้น ที่จะเข้ามาสร้างความแตกต่างและส่งมอบประสบการณ์การอยู่อาศัยที่เหนือกว่าโครงการทั่วไป วางเป้ามาตรฐานที่ดีที่สุดเป็นตัวเลือกแรกของลูกค้า โดยนำร่องเปิดตัวใน 3 หัวเมืองใหญ่ ได้แก่ อภิทาวน์ ขอนแก่น อภิทาวน์ ระยอง และอภิทาวน์นครศรีธรรมราช มูลค่ารวม 2,450 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 1.7-8 ล้านบาท”  

นางพิมพรรณ ปรีชานนท์  ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานบริหารแบรนด์และพัฒนาสินค้าบ้านเดี่ยว บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) กล่าวว่า ทีมงานเอพีได้ลงพื้นที่ทำการบ้านอย่างหนัก ในการถอดรหัสอินไซต์การใช้ชีวิตจริง และความต้องการที่เฉพาะเจาะจงของลูกค้าในแต่ละพื้นที่ ทำให้เราเห็นโอกาสในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ที่ยังไม่มีในตลาดหัวเมือง ผ่านแนวคิดหลัก HYBRID LIVING ที่เป็นการเชื่อมต่อกันระหว่างสเปซดีไซน์และนวัตกรรมการใช้ชีวิต ที่จะเข้ามายกระดับการอยู่อาศัยและที่สำคัญตอบโจทย์การใช้งานจริง

โดยมุ่งเน้นใน 3 มิติหลัก ได้แก่ 1. Security-นวัตกรรมเพื่อความปลอดภัยกับระบบรักษาความปลอดภัยอัจฉริยะภายในบ้านตลอด 24 ชั่วโมง อาทิ เซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหวหน้าต่างทุกบาน แจ้งเตือนผ่านสมาร์ทโฟน พร้อมส่งเสียงไซเรนเตือนผู้บุกรุก 
กล้อง IP Camera ที่สามารถ Live Stream ภาพ เพื่อดูแลทุกสมาชิกครอบครัว ระบบ Digital Door Lock เปิด-ปิดประตูหน้าบ้านผ่าน 
Application พร้อม ระบบ Pin Code ชั่วคราวที่ใช้ได้ครั้งเดียวสำหรับแขกคนพิเศษ 2. Comfort-นวัตกรรม เพื่อความสะดวกสบายกับระบบสั่งการอัจฉริยะ Smart Spot Remote ภายในบ้านผ่านการเชื่อมต่อกับระบบควบคุมไฟแสงสว่าง (Lighting Control) และการควบคุมเครื่องปรับอากาศไม่ว่าจะอยู่ในหรือนอกบ้าน
    และ 3. Community-นวัตกรรมที่ดูแลคอมมิวนิตีตลอด 24 ชั่วโมง ผ่าน Katsan Platform นวัตกรรมการบริหารจัดการความปลอดภัยภายในหมู่บ้านตลอด 24 ชั่วโมง ทำหน้าที่คัดสรร ดูแลความปลอดภัยในทุกมิติของการอยู่อาศัยภายในโครงการ ผ่านระบบแพลตฟอร์มอัจฉริยะ อีกขั้นแห่งความอุ่นใจในการอยู่อาศัยภายในสังคมคุณภาพ ซึ่งจะทำหน้าที่คัดสรรบุคคล ที่จะเข้ามาภายในโครงการ ตลอดจนการอำนวยความสะดวกต่างๆ ในการอยู่อาศัย เพื่อสร้างคอมมิวนิตีที่มีคุณภาพให้เกิดขึ้น” 

หน้า 19-20 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40  ฉบับที่ 3,616 วันที่ 8 - 10 ตุลาคม พ.ศ. 2563