นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการพิจารณารายละเอียดแผนฟื้นฟูฯ ซึ่งมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่า สำหรับความคืบหน้าแนวทางการปรับปรุงรายละเอียดแผนฟื้นฟูองการขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ที่ประชุมได้หารือถึงการตั้งข้อสังเกต เพื่อให้ ขสมก. กลับไปจัดทำรายละเอียด เบื้องต้นมีข้อสังเกตของกระทรวงการคลังหลายเรื่อง เช่น การจัดจ้างรถร่วมเอกชน เข้ามาร่วมเดินรถตามแผนฟื้นฟูใหม่ 54 เส้นทาง ซึ่งมีการนำข้อมูลราคาว่าจ้าง จากหน่วยงานกลางเข้ามาชี้แจงให้ที่ประชุมทราบ รวมทั้งการปฏิรูปเส้นทางเดินรถ จำนวน 162 เส้นทาง ซึ่งขสมก.ได้มีการวางแนวทางในการเชื่อมต่อระบบรถขนส่งสาธารณะ เช่น การใช้แนวเส้นทางระบบฟีดเดอร์เชื่อมต่อการเดินทาง ทั้งนี้มีการตั้งข้อสังเกตถึงผลประกอบการของ ขสมก.ให้กลับมาเป็นบวก ภายในปี 2572 เบื้องต้นกระทรวงการคลังมอบหมายให้ ขสมก.จัดทำข้อมูลการดำเนินงานให้ชัดเจน หากมีการสรุปข้อมูลแล้วเสร็จจะนำข้อมูลดังกล่าวรายงานหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบ ราว 1 สัปดาห์ หลังจากนั้นจะเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบภายในเดือน ต.ค.นี้ โดยจะเริ่มทยอยส่งมอบรถรอบแรก จำนวน 400 คัน ภายในเดือนมี.ค.2564
"ส่วนการตั้งข้อสังเกตถึงปัญหาสะสมการขาดทุนเป็นเวลานาน ซึ่งเรามีทางเลือก 2 ทาง 1.การจัดทำแผนฟื้นฟูฯ ฉบับใหม่ 2.ปล่อยให้ล้มละลาย แต่เรามองว่าขสมก.ยังไม่ถึงขั้นแนวทางที่ 2 แค่ใช้แนวทางแรกเพื่อให้ขสมก.ไปรอด เพราะดูจากค่าจ้างการวิ่งตามระยะทาง โดยใช้ราคาเดียวในการปฏิรูปเส้นทางเดินรถทั้ง 162 เส้นทาง ซึ่งตอบโจทย์ในการนำเทคโนโลยีที่มีจีพีเอสและตั๋วอิเลกทรอนิกส์ (อีทิคเก็ต) เข้ามา เบื้องต้นจะประเมินแต่ละเส้นทางว่าควรมีรถโดยสารกี่คัน แต่ละเส้นทางมีกำไรหรือขาดทุน. ทั้งนี้ผลการศึกษาจากสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กำหนดให้แผนฟื้นฟูฯ มีอัตราค่าโดยสารอยู่ที่ 30 บาทตลอดสายตลอดวันทุกเส้นทาง"
นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า จากการสำรวจความเห็นประชาชนที่เดินทางในปัจจุบันพบว่า 95% เห็นด้วยกับอัตราค่าโดยสาร อยู่ที่ 30 บาทตลอดสายตลอดวันทุกเส้นทาง ซึ่งจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางของประชาชน. ส่วนเอกชนที่ต้องการเข้ามาเดินรถร่วมทั้ง 54 เส้นทาง ก็มีความพร้อมที่จะร่วมแผนฟื้นฟูฯ ในครั้งนี้ ขณะที่เส้นทางเดินรถกว่า 40 เส้นทาง ได้มอบนโยบายให้กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) คำนึงถึงการให้บริการประชาชนเป็นหลัก ซึ่งจะใช้มาตรฐานเดียวกันกับขสมก.เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายประชาชนในการเดินทาง
ทั้งนี้ผู้ประกอบการรถที่ยื่นขอใบอนุญาตไม่ทันนั้นเบื้องต้นได้สั่งการให้กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) กำหนดให้แนวทางแผนฟื้นฟูฯ เป็นมาตรฐานเดียวกัน คาดว่าจะทยอยส่งมอบรถได้ตามแผน จำนวน 2,511 คัน ภายในปี 2565