โหมปั้น ‘B&O-Georg Jensen’ แบรนด์สุดหรูเดนมาร์ก สู่ตลาดไทย

23 ส.ค. 2563 | 07:12 น.

ตระกูลบุญลาโภ ทุ่ม 40 ล้านเข้าซื้อกิจการ “เอช ดับเบิ้ลยู เทรดดิ้ง” ตัวแทนจำหน่ายเครื่องเสียงสุดหรู B&O และ Georg Jensen เครื่องประดับจากเดนมาร์ก พร้อมเดินหน้าสร้างแบรนด์จับกลุ่มลูกค้ากระเป๋าหนัก

นายทรงพล บุญลาโภ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอชดับเบิ้ลยู เทรดดิ้ง ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า หลังเข้าซื้อกิจการบริษัท เอชดับเบิ้ลยูเทรดดิ้งฯ ด้วยเงินลงทุนราว 40 ล้านบาท ในช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายนที่ผ่านมา ทำให้ได้รับสิทธิ์ในการเป็นตัวแทนจำหน่ายและทำตลาดแบรนด์เครื่องเสียงพรีเมียมจากเดนมาร์ก “แบงค์แอนด์โอลาฟเซ่น” (Bang & Olufsen : B&O), จอร์จ เจนเซน (Georg Jensen) แบรนด์เครื่องเงิน เครื่องประดับ และของตกแต่งบ้านจากเดนมาร์ก ดังนั้นการทำตลาดนับจากนี้จะเน้นการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง

 

โดยเฉพาะแบรนด์ B&O ซึ่งเป็นแบรนด์พรีเมียมที่คนไทยคุ้นเคย และให้การยอมรับว่าเป็นแบรนด์คุณภาพสูง เป็นที่นิยมอย่างมากในกลุ่มลูกค้าระดับบนที่มีอายุ 30-60 ปี ทำให้บริษัทมีแผนขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มอายุ 25-35 ปีซึ่งเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีกำลังซื้อสูง และชื่นชอบด้านเทคโนโลยีและสามารถอัพเกรดเป็นลูกค้าระดับไฮเอ็นด์ได้ในอนาคต

ทรงพล บุญลาโภ

ด้านแผนการตลาดบริษัทใช้งบลงทุนราว 20 ล้านบาทในการปรับปรุงและเปิดแฟลกชิฟสโตร์สาขา 2 ซึ่งตั้งอยู่ที่เดอะ คริสตัล เอกมัย-รามอินทรา เพื่อรองรับกลุ่ม ลูกค้ารอบนอก โดยที่นี่จะเป็นศูนย์รวมสินค้าของ B&O และอนาคตจะมีวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของจอร์จ เจนเซนด้วย ขณะที่สาขาแรกจะตั้งอยู่เกษร เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าในเมือง

โดย B&O แฟลกชิฟสโตร์แห่งที่ 2 นี้ จะเน้นการพัฒนาระบบสมาร์ทโฮมภายใต้ชื่อ BEOLiving Intelligence เพื่อการสั่งงานทุกอย่างในบ้านได้ด้วยเสียงผ่านลำโพงของ B&O หรือด้วยแอพพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน นอกจากนี้ยังมี BEOSOUND BALANCE ลำโพงคุณภาพสูง โดยภายในร้านจะแบ่งออกเป็นกลุ่ม HOME ประกอบด้วย ทีวีและลำโพงโฮมเธียเตอร์, กลุ่ม Multiroom อาทิ ลำโพงบลูทูธแนวตั้งหรือลำโพง stand alone, ลำโพงอัจฉริยะ ฯลฯ และกลุ่ม On The Go gadget เน้นความสะดวกสบายในการพกพา และทำหน้าที่เป็นเครื่องประดับแฟชั่นด้วย

โหมปั้น ‘B&O-Georg Jensen’  แบรนด์สุดหรูเดนมาร์ก สู่ตลาดไทย

นายทรงพล กล่าวว่า ปีนี้บริษัทมีแผนรุกตลาดไลฟ์สไตล์และสายดีไซน์ เพื่อเพิ่มผลประกอบการของสินค้ากลุ่ม Home สำหรับทีวีและลำโพงคู่สำหรับการดูภาพยนตร์และโฮมเธียเตอร์ ซึ่งเป็นหัวใจหลักของแบรนด์ รองลงมาคือกลุ่ม Multiroom ซึ่งมีหลากหลายราคา หลากหลายขนาดให้เลือกขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์และบ้านของแต่ละคน โดยจะใช้งบการตลาดเพิ่ม 7-10% และตั้งเป้าที่จะมียอดขายรวมของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 15-20 ล้านบาทต่อเดือน ขณะที่ผลประกอบการในปีนี้ยังไม่ได้ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน เนื่องจากเพิ่งเข้ามาซื้อกิจการเมื่อกลางปีที่ผ่านมา อีกทั้งยังเกิดวิกฤติโควิด-19 ด้วย

 

อย่างไรก็ดี ด้วยเป้าหมายของบริษัทที่จะเข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่องทั้งในช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ ทำให้บริษัทคาดว่าในปี 2564 จะมียอดขายรวม 150 ล้านบาทเติบโตเพิ่มขึ้น 15-20% จากปี 2562 ซึ่งมีรายได้รวม 110 ล้านบาท ซึ่งนอกจากการรุกทำตลาด B&O อย่างต่อเนื่อง บริษัทจะสร้างแบรนด์จอร์จ เจนเซนให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นด้วย ซึ่งปัจจุบันจอร์จ เจนเซน มีแฟลกชิฟสโตร์ 1 แห่ง ตั้งอยู่ที่เกษร มีพื้นที่ราว 283 ตรม. ใช้งบลงทุนกว่า 25 ล้านบาท 

 

“ปีนี้จะยังไม่มีสินค้าใหม่ออกวางจำหน่าย แต่จะเน้นสร้างการรับรู้ในสินค้าเดิมที่มีอยู่โดยเฉพาะของ B&O ซึ่งเป็นเครื่องเสียงพรีเมียมไฮเอ็นด์ มีกลุ่มลูกค้าที่ชัดเจน และรอยัลตี้สูง การขยายช่องทางการขายและทำตลาดผ่านออนไลน์จะช่วยให้คนรู้จักมากขึ้น แต่พฤติกรรมลูกค้ากลุ่มนี้ยังนิยมทดสอบเสียงและคุณสมบัติของสินค้าดังนั้นการมีหน้าร้านหรือโชว์รูมจึงเป็นสิ่งจำเป็น” 

 

หน้า 21-22 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,601 วันที่ 16 - 19 สิงหาคม พ.ศ. 2563