นายชโยดม สุวรรณวัฒนะ ประธานกลุ่มคนปลูกปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทย เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ก่อนที่จะไปขายปาล์มน้ำมัน ได้ให้ผู้เชี่ยวชาญกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มาตีเปอร์เซ็นต์น้ำมันปาล์ม พร้อมกับทำหนังสือออกใบรับรองยืนยันรับรองว่าปาล์มไม่ต่ำกว่า22% แล้วได้จดหัวขั้วปาล์มทะลายไว้ จากนั้นก็นำไปขาย ปรากฏว่าพอไปถึงบริษัท ฝ่ายบริษัทได้ตีเปอร์เซ็นต์ปาล์มให้แค่ 19% จึงไปแจ้งความสถานีตำรวจว่าบริษัทดังกล่าวซื้อปาล์มต่ำกว่าเปอร์เซนต์ โดนไป 1 กระทง ซึ่งในราคารับซื้อป้ายโรงงานติดรับซื้อปาล์ม19% รับซื้อในราคา 5.50 บาท/กิโลกรัม
แต่พอขายจริงกลับคิดให้ในราคา 4.75 บาท/กิโลกรัม ซึ่งเป็นราคาต่ำกว่าป้ายกำหนดราคารับซื้อผลปาล์มหน้าโรงงาน มองแล้วไม่ตรงกับป้ายประกาศราคารับซื้อจึงไปแจ้งความตำรวจเพิ่มอีก 1 กระทง ในกรณีนี้ด้วยว่าให้ราคาต่ำ ไม่ตรงกับป้ายประกาศรับซื้อผลปาล์ม อีกทั้งยังเป็นการโฆษณาโดยใช้ฉลากที่มีข้อความเป็นเท็จ หวังว่าจะใช้เป็นบรรทัดฐานตามเปอร์เซ็นต์น้ำมันปาล์ม
นายชโยดม กล่าวว่า ปรากฏว่าอัยการส่งฟ้อง แต่กลับไม่แจ้งผมเลย ไม่รู้เรื่อง มาตามเรื่อง ถึงรู้ว่าศาลได้มีคำพิพากษาไปแล้ว ก็คือแพ้ ฝ่ายบริษัท เป็นฝ่ายชนะ แล้วยื่นอุทธรณ์ไม่ได้แล้ว ผมก็แปลกใจ ผมเป็นฝ่ายโจทย์ อัยการต้องแจ้งไปฟังแต่ทำไมงุบงิบ ตอนนี้จะยื่นอุทธรณ์ก็ไม่ได้ เลยกำหนดเวลาที่จะอุทธรณ์แล้ว ผมก็มานั่งคิดขนาดคดีระดับใหญ่อย่างลูกกระทิงแดงยังหลุดได้เลย นับว่าประสากับคดีแบบนี้ กลายเป็นว่า “แพ้” ศาลตัดสินว่าไม่มีความผิด ถ้าวันนั้นผมรู้ ผมจะยื่นอุทธรณ์ทันทีเลย ผมแพ้ ก็เหมือนเกษตรกรทั้งประเทศแพ้
นายชโยดม กล่าวว่า มาตรฐานสินค้าเกษตร ที่ใช้กันทั่วโลกคงไม่มีความหมาย คงใช้ไม่ได้แล้ว เพราะศาลตัดสินว่า “แพ้” แล้วที่สำคัญเก็บเงียบ ตัดสินเมื่อไรไม่ทราบ เมื่อวันที่ 11 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้มาตามเรื่องที่ศาล เพิ่งทราบความจริงว่าศาลตัดสินไปแล้ว ผมก็ยังไม่เชื่อ ก็ของคัดสำเนา ก็ไม่ยอม วันนั้นต้องทำเรื่องหลายอย่างจนศาลต้องคัดสำเนาให้ อ้างโน้นอ้างนี้หาไม่เจอบ้างวิ่ง 3-4 เที่ยว ผมงง เพราะก่อนหน้านี้มีหลักฐานที่เตรียมไว้แน่นหนา วันนี้ยังไม่เชื่อเลยว่าจะแพ้ เสียดายถ้าวันนั้นทราบ ก็คงจะอุทธรณ์ต่อ ทุกวันนี้ยอมรับยังคาใจอยู่เลย