ผ่ามุมคิด
ครึ่งปีหลังดีเวลอปเปอร์ ทะยอยเปิดโครงการใหม่ จากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย การระบายสต๊อกเก่าปิดโครงการได้จำนวนหนึ่ง เช่นเดียวกับ กลุ่มบริษัทพฤกษา ประกาศ เปิดโครงการแนวราบและแนวสูง เกือบ 20 โครงการ หลังขายโครงการเก่าในมือออกไปได้ 80% จากจำนวนกว่า 3,000 หน่วย ประกอบกับเป็นช่วงเปลี่ยนผ่าน นางสุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ประกาศปรับโครงสร้างการบริหารใหม่ แต่งตั้ง นายปิยะ ประยงค์ ลูกหม้อ พฤกษา ที่มีบทบาทสำคัญในการบริหารจัดการธุรกิจการพัฒนาอสังหา ริมทรัพย์ ทั้งแนวราบ และแนวสูง ในกลุ่มธุรกิจพฤกษามายาว นานกว่า 27 ปี ให้ดำรงตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษาเรียลเอสเตท (CEO-PS) ปฎิบัติหน้าที่รับผิดชอบงานบริหารธุรกิจพฤกษาเรียลเอสเตททั้งหมด โดยจะรายงานตรงต่อ นางสุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์ ที่จะเน้นบริหารจัดการธุรกิจในกลุ่มพฤกษา โฮลดิ้ง เป็นหลัก มีผลตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2563 เป็นต้นไป ขณะผลงานที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่านายปิยะมีความโดดเด่น ทั้งคอนโดมิเนียมและบ้านแนวราบ
การปรับโครงสร้างการบริหารใหม่และการแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงในครั้งนี้ เพื่อเพิ่มศักยภาพและเป็นกลไกสำคัญในการบริหารธุรกิจต่างๆ ของกลุ่มบริษัทฯ ให้เข้มแข็งและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นนับจากนี้ ท่ามกลางเศรษฐกิจถดถอยไปทั่วโลก สถานการณ์โควิดที่ไม่อาจคาดเดาได้ว่าจะกลับมาระบาดอีกรอบเมื่อใด ขณะกำลังซื้อที่เปราะบาง การปฏิเสธสินเชื่อของสถาบันการเงิน ฯลฯ การแข่งขันรุนแรง แม้แต่นาทีนี้ เรียกว่าเหนื่อยกับภาวะกำลังซื้อซึมและการต่อสู้ในสมรภูมิราคา
ซึ่ง “ซีอีโอ พฤกษา” ยอมรับเป็นความท้าทาย โดยเฉพาะกำลังซื้อที่ยังมีความหนืดจากสถานการณ์โควิด-19 ไม่พลิกฟื้นได้โดยง่าย นับจากนี้ในช่วงครึ่งปีหลัง ที่ต้องฟันฝ่ามรสุมพาองค์กรเดินไปข้างหน้า สร้างรายได้ฟื้นกำไร
จึงมีแนวคิดว่า ต้องเข็น “ฮีโร่โปรเจ็กต์” ออกมา ซึ่งเป็นแนวราบ บ้านเดี่ยว ราคา 5-10 ล้านบาท ทาวน์เฮาส์ 3-5 ล้านบาท มองว่า กลุ่มนี้มีกำลังซื้อ โดยครึ่งปีหลังมีความพร้อมเปิด แนวราบ 17 โครงการ แยกเป็นบ้านเดี่ยว 3 โครงการ คอนโดมิเนียม จำนวน 1 ที่เหลือ เป็นทาวน์เฮาส์ สำหรับคอนโดมิเนียม พัฒนาทำเลสุขุมวิท 97 ราคา 2 ล้านบาทเศษต่อหน่วย สำหรับคอนโดมิเนียมเน้นไซซ์เล็ก 200-300 หน่วย กำลังเหมาะสม
“เน้นทำเลที่เป็นไปได้ เป็นที่ต้องการจับต้องได้ รูปแบบแตกต่าง ไม่เน้นแข่งขัน หรือต้องเฟ้นหาทำเล “บลูโอเชี่ยน” ซึ่งการตัดสินใจเปิดแต่ละทำเล สะกัดได้จากการสำรวจเก็บรวบรวมข้อมูลความต้องการลูกค้า มีลูกค้าในมือ ถึงลงมือสร้าง เนื่องจากเรื่องกำลังซื้อเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะแนวราบ
“ขณะทำเลเรดโอเชียน ทะเลเลือดแข่งขันรุนแรง คู่แข่งผลิตสินค้าเหมือนกันราคาใกล้เคียงกัน ตลอดเดียวกัน เมื่อเศรษฐกิจไม่ดีต่างระบายสต๊อก ลดราคา แม้ยอดขายจะออกมาดีปิดการขายได้เร็วแต่ผลกำไร ได้กลับมาไม่มาก ทำเลลักษณะนี้ บริษัทค่อนข้างได้รับผลกระทบ เพราะ โครงการรอบข้างยอมขายตัดราคา 30-40% แน่นอนว่า นับจากนี้ต้องเปลี่ยนกลยุทธ์ ไปทำเลที่คู่แข่งไม่สามารถเข้าถึงได้นั่นเอง
นายปิยะ อธิบายต่อว่า ที่ผ่านมาเคยดูแลทาวน์เฮ้าส์มา 7-8 ปีก่อน ซึ่งโครงการของพฤกษาค่อนข้างขายดี แต่ช่วงนี้ไม่เหมาะลงทุนรองรับตลาดล่าง เนื่องจากกำลังซื้อไม่ค่อยดี การถูกปฏิเสธสินเชื่อมีสูง ขณะเหตุผลที่เปิดโครงการครึ่งปีหลังค่อนข้างมาก นั่นเป็นเพราะครึ่งปีหลังสถานการณ์ เหมาะต่อการเปิดโครงการ รัฐบาลคลายล็อกการทำงานเริ่มกลับสู่ปกติ โควิดคลี่คลายแม้ไม่เต็มร้อย กำลังชื้อในภาพใหญ่ยังไม่ดี แต่มองว่า ยังมีกลุ่มเฉพาะที่ต้องการที่อยู่อาศัยแนววิถีใหม่เรียลดีมานด์จับต้องได้ มีเป้าหมายต้องสร้างรายได้ เนื่องจากครึ่งปีแรก เปิดโครงการใหม่เพียง 3-4 โครงการ เชื่อน่าจะเป็นจุดสมดุลที่ดี
หน้า 19-20 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,600 วันที่ 13 - 15 สิงหาคม พ.ศ. 2563