ใหญ่แค่ไหนก็ไม่รอดคุก บทพิสูจน์จากมาเลเซีย

29 ก.ค. 2563 | 01:04 น.

ศาลมาเลเซียสั่งจำคุก 12 ปี นายนาจิบ ราซัค อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อวานนี้ (28 ก.ค. 2563) ด้วยความผิด 7 ข้อกล่าวหาในคดีที่เกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกับการทุจริตยักยอกเงินกองทุน 1MDB (วันเอ็มดีบี) ซึ่งกลายเป็นคดีทุจริตอื้อฉาวบรรลือโลกไปแล้ว

 

สื่อต่างประเทศรายงานว่า หลังจากที่เพิ่งถูกศาลสั่งจ่ายภาษีย้อนหลังเป็นมูลค่า 1,690 ล้านริงกิต หรือราว 12,500 ล้านบาทไปเมื่อวันที่ 22 ก.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นภาษีที่เขาค้างชำระช่วงระหว่างปี 2554-2560 ล่าสุดเมื่อวันที่ 28 ก.ค. นายนาจิบ ราซัค อดีตนายกรัฐมนตรีของมาเลเซีย ก็ ถูกศาลสูงสั่งลงโทษจำคุก 12 ปี สำหรับ ความผิดฐานใช้อำนาจในทางมิชอบ และอีก 10 ปี สำหรับความผิดฐานฟอกเงิน และการกระทำผิดหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมาย จนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายต่อสินทรัพย์ที่ดูแลอยู่ (breach of trust) โดยหลักเกณฑ์การลงโทษ ให้นับเวลาจำคุกของทุกคดีไปพร้อมกัน แล้วยึดโทษจำคุกหนักที่สุด ซึ่งในกรณีของนายนาจิบ คือ 12 ปี

 

ผู้พิพากษาศาลสูงแห่งกรุงกัวลาลัมเปอร์ กล่าวว่า หลังจากพิจารณาพยานหลักฐานทั้งหมดในคดีนี้ อัยการประสบความสำเร็จในการพิสูจน์ข้อกล่าวหาโดยปราศจากข้อสงสัยอันสมเหตุสมผล ว่านายนาจิบ อดีตนายกรัฐมนตรีวัย 67 ปี (ดำรงตำแหน่งระหว่างปี 2552-2561) กระทำความผิดทางอาญาใน 7 ข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการฟอกเงิน และการใช้อำนาจในทางมิชอบ จากกรณีรับโอนเงิน 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 315 ล้านบาท) จากบริษัท เอสอาร์ซี อินเตอร์เนชั่นแนล (SRC International) ซึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของ กองทุน 1MDB หรือ กองทุนเพื่อการพัฒนาของรัฐ "1 มาเลเซีย ดีเวลอปเมนต์ เบอร์ฮัด" มาเข้าบัญชีธนาคารส่วนตัว

ใหญ่แค่ไหนก็ไม่รอดคุก บทพิสูจน์จากมาเลเซีย

อย่างไรก็ตาม นายนาจิบได้ให้การปฏิเสธในทุกข้อกล่าวหา และได้ยื่นประกันตัวพร้อมประกาศจะยื่นอุทธรณ์ จึงยังไม่ต้องเข้ารับโทษจำคุกจนกว่ากระบวนการอุทธรณ์ของคดีนี้จะสิ้นสุดลง

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ศาลสั่งจำคุก "นาจิบ ราซัค " 12 ปี คดี1MDB 

"นาจิบ" อดีตนายกมาเลเซีย ถูกศาลสั่งเก็บภาษีย้อนหลังกว่าหมื่นลบ.

รวบ 'นาจิบ ราซัก' คดีคอร์รัปชัน 2 หมื่นล้าน

'นาจิบ' ยอมรับความพ่ายแพ้

คดีนี้ถูกจับตามองอย่างกว้างขวางไม่เฉพาะในมาเลเซียเอง แต่ยังถูกจับตาจากทั่วโลก ในฐานะบททดสอบความพยายามของมาเลเซียในการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันและการใช้อำนาจโดยมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐบาล  ทั้งนี้ ในระหว่างที่นายนาจิบดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รมว.คลัง และประธานกองทุน 1MDB นั้น กองทุนดังกล่าวประสบภาวะขาดทุนย่อยยับและมีการตรวจสอบพบเงินหายไปจากกองทุนระหว่างปี 2554-2557

 

แต่ละข้อกล่าวหาที่เขาเผชิญอยู่มีโทษปรับหนัก และโทษจำคุกระหว่าง 15 หรือ 20 ปี ทีมทนายความของนายนาจิบอยู่ระหว่างหาทางเตะถ่วงการกำหนดโทษ ขณะที่นายนาจิบยืนยันจะยื่นอุทธรณ์คำตัดสินต่อศาลรัฐบาลกลางต่อไป

 

คดีอื้อฉาวที่เรียกได้ว่าเป็นคดีโกงกินบันลือโลกที่กระทำโดยเจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดของรัฐบาลมีผลสั่นคลอนบัลลังก์อำนาจของนายนาจิบและก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์การเมืองของมาเลเซีย นั่นคือการพ่ายแพ้ครั้งแรกของพรรคอัมโนที่ยึดครองการเป็นรัฐบาลมาโดยตลอด

 

 

นายนาจิบพ่ายแพ้การเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ของมาเลเซียเมื่อปี 2561 อย่างหมดรูป เปิดทางให้ดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด ได้กลับคืนสู่อำนาจและเดินหน้าเร่งกระบวนการเอาผิดนายนาจิบและพวกพ้อง นอกจากการสั่งยึดทรัพย์สินทั้งของเขาและภรรยาจนกลายเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลกในปีดังกล่าวแล้ว นายนาจิบยังต้องเผชิญกับข้อกล่าวหาหนักอย่างน้อย 32 กระทง จากกรณียักยอกเงินจากกองทุน 1MDB มูลค่ากว่า 4,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือมากกว่า 141,975 ล้านบาท

 

อัยการระบุว่าเงินกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 31,550 ล้านบาท ถูกโอนเข้าบัญชีส่วนตัวของเขา แต่นายนาจิบปฏิเสธการกระทำผิดและให้การว่าเขาเข้าใจว่าเงินจำนวนนี้ถูกโอนเข้าบัญชีโดยเป็นเงินบริจาคจากราชวงศ์ซาอุดิอาระเบียเพื่อสนับสนุนการเลือกตั้งของเขาในปี 2556  นอกจากนี้ ทนายความของนายนาจิบ ยังระบุซัดทอดว่า การที่เงินจำนวนมหาศาลมาปรากฏอยู่ในบัญชีส่วนตัวของนายนาจิบอย่างไม่มีที่มีที่ไปนั้น เชื่อว่าน่าจะเป็นฝีมือของ “นายโจ โลว์” นักการเงินชื่อกระฉ่อน ซึ่งขณะนี้กำลังหลบหนีคดีอยู่และเป็นที่ต้องการตัวของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐและมาเลเซีย

 

คดีโกงกินและฟอกเงินบันลือโลกของมาเลเซียนี้มีผู้เกี่ยวข้องมากมายไล่ตั้งแต่ระดับผู้นำรัฐบาลไปจนถึงนักลงทุน-นักการเงินจากภาคเอกชน ทางการมาเลเซียมั่นใจมีหลักฐานแน่นหนา และไม่ต้องการให้เป็นมวยล้มต้มคนดู การตัดสินคดีเมื่อวันอังคาร (28 ก.ค.) เป็นคดีแรกที่เกี่ยวเนื่องกับการทุจริตของนายนาจิบ และยังจะมีการพิจารณาคดีตามมาอีกอย่างน้อย 3 คดี ผู้พิพากษากล่าวว่า ข้ออ้างของนายนาจิบที่ว่าเขาไม่รู้ว่าเงินจากไหนมาโผล่ในบัญชีส่วนตัวนั้น ฟังไม่ขึ้นเพราะโดยอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ก็สามารถสอบทานกลับไปยังผู้บริจาคได้ว่ามาจากราชวงศ์ซาอุ ฯจริงหรือไม่ แต่เขากลับเลือกที่จะเชื่อคำพูดของนายโจ โลว์ นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการฟอกเงิน ที่นายนาจิบตั้งใจที่จะเพิกเฉย (ผู้พิพากษาใช้สำนวนว่า แกล้งจงใจตาบอด ไม่รู้ไม่เห็น) ต่อกระบวนการทุจริตที่เกิดขึ้น   

 

การต่อสู้อุทธรณ์คดีของนายนาจิบจะเป็นที่จับตาของคนทั้งโลก คุกจะเป็นปลายทางของคนใหญ่คนโต  คนรวย และผู้มีอภิสิทธิ์ได้จริงหรือไม่ คงได้มีคำตอบอีกไม่นานเกินรอ

 

ข้อมูลอ้างอิง

Najib Razak: Malaysian ex-PM gets 12-year jail term in 1MDB corruption trial

Najib’s Guilty Verdict Could Strengthen Malaysia Leader’s Hand