วันนี้ ( 27 มิ.ย.63) พล.ต.ไชยสิทธิ์ ตันตยกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์และการป้องกันประเทศ และผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ได้นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับ กรณีที่สถาบันวิจัยทะเลจีนใต้ของจีน ได้เผยแพร่รายงานว่าด้วยกำลังทหารของสหรัฐฯ ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ประจำปี ๒๐๒๐ ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้
๑. เมื่อวันที่ ๒๓ มิ.ย.๖๓ สถาบันวิจัยทะเลจีนใต้ของจีน ( National Institute for South China Sea Studies) ได้จัดการประชุมเผยแพร่รายงานว่าด้วยกำลังทหารของสหรัฐฯ ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ประจำปี ๒๐๒๐ โดยมีสำนักข่าวต่างๆ ทั้งที่เป็นสื่อของจีนเองและสื่อของต่างประเทศ รวมเกือบ ๓๐ แห่ง และนักวิชาการจากสถาบันวิจัยหลายแห่งตลอดจนผู้แทนจากสถานทูตต่างประเทศในจีน กว่า ๑๐ ประเทศและภูมิภาครวมถึงสหรัฐฯ รัสเซีย ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม ฯลฯ รวมเกือบ ๘๐ คน เข้าร่วมการประชุมรับฟังรายงานดังกล่าว
โดยในครั้งนี้ถือเป็นการจัดรายงานครั้งที่ ๓ เนื่องจากก่อนหน้านี้ ที่ทางสถาบันวิจัยทะเลจีนใต้เคยจัดให้มีการรายงานฯ มาแล้ว ๒ ครั้ง ได้แก่ รายงานว่าด้วยกำลังทหารของสหรัฐในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ประจำปี ๒๐๑๖ และรายงานว่าด้วยกำลังทหารของญี่ปุ่น ประจำปี ๒๐๑๘
๒. กรอบแนวคิดในการวิจัยของรายงานนี้มีพื้นฐานมาจากการปรับเปลี่ยนทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญของสหรัฐฯ ว่าด้วย "การปรับสมดุลเอเชีย-แปซิฟิก" ( Asia-Pacific Rebalancing) ไปสู่ "ยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก" ( Indo-Pacific Strategy)
โดยมุ่งเน้นไปที่การวางกำลังทางทหารและสถานะทางทหารล่าสุดของสหรัฐฯ ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก โดยเฉพาะในยุคของประธานาธิบดีทรัมป์ เพื่อทำการทบทวนและวิเคราะห์กิจกรรมทางทหารของสหรัฐฯ ซึ่งในรายงานฉบับนี้ แบ่งออกเป็น ๕ บท ได้แก่
๒.๑ บทที่ ๑ นำเสนอเกี่ยวกับวิวัฒนาการของนโยบายความมั่นคงของสหรัฐฯ ในเอเชีย-แปซิฟิก และ "ยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก"
๒.๒ บทที่ ๒ นำเสนอเกี่ยวกับการวางกำลังทางทหารของสหรัฐฯ ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
๒.๓ บทที่ ๓ นำเสนอเกี่ยวกับกิจกรรมทางทหารของสหรัฐฯ ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
๒.๔ บทที่ ๔ นำเสนอความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงทางทหารของสหรัฐฯ ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก รวมถึงพันธมิตร
๒.๕ บทที่ ๕ นำเสนอบทบาทของสหรัฐฯ หลังจากการรื้อฟื้นยุทธศาสตร์การแข่งขันของมหาอำนาจ กับการเปลี่ยนแปลงที่นำไปสู่ความสัมพันธ์ทางทหารระหว่างจีนกับสหรัฐฯ และบทบาทเชิงบวกของความสัมพันธ์ทางทหารระหว่างสองประเทศในการรักษาเสถียรภาพความมั่นคงของภูมิภาค
๓. ข้อสังเกต ในการประชุมครั้งนี้ ดร.อู๋ ซื่อฉุน (Wu Shicun) คณบดีสถาบันวิจัยทะเลจีนใต้ของจีน และศาสตราจารย์ ดร.จู เฟิง ( Zhu Feng) ผู้อำนวยการบริหารศูนย์นวัตกรรมความร่วมมือการวิจัยทะเลจีนใต้มหาวิทยาลัยหนานจิง ได้กล่าวถึงสถานการณ์ปัจจุบันในทะเลจีนใต้ โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ รวมทั้งร่วมกันตอบคำถามจากผู้สื่อข่าวสื่อและนักการทูตในประเทศจีน เกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันในช่องแคบไต้หวันด้วย
บทสรุป ในรายงานว่าด้วยกำลังทหารของสหรัฐฯ ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ประจำปี ๒๐๒๐ ดังกล่าว ได้เรียบเรียงและวิเคราะห์อย่างละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบการปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐฯ ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก โดยเฉพาะในทะเลจีนใต้ รวมทั้งข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับการวางกำลังทางทหารของสหรัฐฯ ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก โดยเฉพาะการวิเคราะห์ถึงรายงานงบประมาณของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ในปี ๒๐๒๐ ที่เน้นถึงการเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ จากจีนและรัสเซีย โดยอ้างว่าจีนและรัสเซียเริ่มขยายอิทธิพลในระดับโลก และพัฒนาขีดความสามารถทางการทหารอย่างจริงจัง เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสงครามสมัยใหม่ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงในอนาคต
อย่างไรก็ตาม สถานะปัจจุบันของความสัมพันธ์ทางทหารระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ได้ส่งผลโดยตรงต่อสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และนี่คือเหตุผลที่สำคัญว่าทำไมประเทศส่วนใหญ่ในภูมิภาคจึงหลีกเลี่ยงจาก "การเลือกข้าง" ระหว่างจีนและสหรัฐฯ