ความเชื่อมั่นหอการค้า ดิ่งเหวต่อเนื่อง

11 มิ.ย. 2563 | 07:30 น.

ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าดิ่งเหวต่อเนื่อง เดือนพ.ค. ทรุดแตะ 31.3 ชี้ปัจจัยลบรุมเร้า แนะทยอยปลดล็อกธุรกิจ ภายใต้เงื่อนไขของความปลอดภัย กระตุ้นเศรษฐกิจ ลดปัญหาคนตกงาน

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่าจากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างจำนวน364 ตัวอย่าง ระหว่าง25-29 พ.ค. 2563พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของการค้าไทยประจำเดือนพ.ค. 2563 ดัชนีมีการปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 31.3 ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยลบต่างๆ คือการที่สำนักงานสภาพัฒนการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่ 1 ปี 2563 ติดลบ 1.8% ส่งผลกระทบต่อการ บริโภคภาคเอกชน การใช้จ่ายภาครัฐและการลงทุนภาคเอกชน และคาดการณ์ เศรษฐกิจทั้งปีติดลบ -6.0%ถึง-5.0%โดยมีค่ากลางที่ติดลบ-5.5%จากเดิมคาด ขยายตัว 1.5-2.5% รวมถึงความวิตกกังวลต่อการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ส่งผลกระทบทำให้การดำเนินชีวิตของประชาชน และการดำเนินธุรกิจเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมและการรัฐบาลขยายเวลาการประกาศ พรก.ฉุกเฉิน

ความเชื่อมั่นหอการค้า  ดิ่งเหวต่อเนื่อง

และยังคงสั่งปิดกิจการในบางประเภทที่ ยังมีความเสี่ยงสูงต่อการแพร่ระบาดไวรัส COVID-19  สถานการณ์ภัยธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ของประเทศจำนวนคนว่างงานจากสถานการณ์ COVID ราคาพืชผลทางการเกษตรยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ ส่งผลทำให้รายได้ของเกษตรกรยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำเช่นกัน ค่าเงินบาทปรับตัวแข็งค่าเล็กน้อยจากระดับ 32.634 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นเดือน เม.ย. 63 เป็น32.039บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯณสิ้นเดือนพ.ค.63ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ายังคงมีเงินทุนจากต่างประเทศไหลเข้าจากประเทศไทย และสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ชะตัวลงอย่างต่อเนื่องจากสถานการณ์COVID

ส่วนปัจจัยบวกที่มีผลต่อความเชื่อมั่น คือ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐเช่น มาตรการเปิดเมืองของรัฐบาลระยะที่1และ2เพื่อให้กิจการห้างร้านต่างๆ กลับมาดาเนินธุรกิจภายใต้วิถี New Normal ปัจจัยการส่งออกของไทยเดือนเม.ย.63เพิ่มขึ้น2.12%มูลค่าอยู่ที่ 18,948.22 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่การนำเข้าลดลง 17.13 %มีมูลค่าอยู่ที่ 16.485.89 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลให้เกินดุลการค้ามูลค่า 2,462.33 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ความเชื่อมั่นหอการค้า  ดิ่งเหวต่อเนื่อง

ค่าดัชนีหุ้นเดือน พ.ค. 63 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 41.19 จุด จาก 1,301.66 ณ สิ้นเดือน เม.ย. 63 เป็น 1,342.85 ณ สิ้นเดือน พ.ค. 63 และคณะกรรมการนโยบายการเงินมีมติ4ต่อ3เสียงให้ลดอัตรา ดอกเบี้ยนโยบาย 0.25 % ต่อปี จาก 0.75 %เป็น 0.50 %ต่อปี

ส่วนแนวทางและขอเสนอแนะในการในการแก้ไขปัญหา เช่น การปลดล็อกการเดินทางภายในประเทศ และการท่องเที่ยวภายในประเทศ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยว เร่งมาตรการช่วยเหลือภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ COVID เพื่อให้สามารถกลับมาดำเนินการได้  มาตรการของภาครัฐที่ให้มีการจ้างงานในแต่ละพื้นที่เพื่อรองรับปัญหาการเลิกจ้างงานของประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน จากธุรกิจท่ีมีความจาเป็นต้องปรับลดพนักงานของตนเองลง

 

ความเชื่อมั่นหอการค้า  ดิ่งเหวต่อเนื่อง

มาตรการช่วยเหลือสภาพคล่องทางการเงินในภาวะตึงตัวจากการหยุดกิจการชั่วคราวในช่วงที่ผ่านมา และเริ่มกลับมาเปิด ดำเนินกิจการได้ใหม่อีกครั้ง โดยปัจจุบันภาคธุรกิจไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ เนื่องจากคุณสมบัติไม่ครบถ้วนตามมาตรฐานของสถาบันการเงิน  รวมถึงรัฐบาลควรจัดทำ Bubble หรือ Selective Travel ในกลุ่มประเทศเอเชีย ควรผ่อนคลายมาตรการการ ล็อกดาวน์ในพื้นที่รวมถึงการผ่อนคลายธุรกิจให้กลับมาดำเนินกิจการอีกคร้ังภายใต้เงื่อนไขของความปลอดภัยจากการควบคุมการแพร่ระบาดไวรัสโควิด 19 ให้มากข้ึน แต่ยังคงคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัย และพิจารณาการเปิดด่านสำหรับค้าขายสินค้าตามแนวชายแดนอย่างเต็มรูปแบบเพื่อทำให้เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวได้อย่าง เต็มที่ในเวลาอันเร็วขึ้น