สถานการณ์ ภัยแล้ง ที่เกิดขึ้นทั่วประเทศ ซึ่งมีแนวโน้มรุนแรงกว่าปีที่ผ่านๆ มา ทำให้หลายพื้นที่ประสบปัญหา ขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคและทำการเกษตร โดยมีพื้นที่ได้รับความเสียหาย ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตประจำวันและการประกอบอาชีพของเกษตรกร นำไปสู่ปัญหาการก่อหนี้นอกระบบ
นายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส.จึงได้จัดทำโครงการสนับสนุนสินเชื่อ เงื่อนไขและดอกเบี้ยผ่อนปรน จำนวน 3 โครงการวงเงินรวม 20,000 ล้านบาทคือ
1.สินเชื่อเพื่อเป็น ค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน วงเงินรวม 10,000 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของเกษตรกรลูกค้าธ.ก.ส.ที่อยู่ในเขตพื้นที่ประสบภัยแล้ง วงเงินกู้รายละไม่เกิน 50,000 บาท ไม่คิดดอกเบี้ยช่วง 6 เดือนแรก และตั้งแต่เดือนที่ 7 เป็นต้นไป คิดอัตราดอกเบี้ย MRR (6.50% ต่อปี) ชำระคืนไม่เกิน 3 ปี
2.สินเชื่อฟื้นฟูและพัฒนาคุณภาพชีวิต วงเงินรวม 5,000 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าลงทุนฟื้นฟูการผลิตที่ได้รับความเสียหายในเขตภัยแล้ง วงเงินกู้รายละไม่เกิน 500,000 บาท อัตราดอกเบี้ย MRR-2 (4.50%ต่อปี) ชำระคืนไม่เกิน 15 ปี
3.สินเชื่อเพื่อพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร วงเงินรวม 5,000 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนในการจัดหา สร้าง/พัฒนา และปรับปรุงแหล่งน้ำไว้ใช้ในยามวิกฤต วงเงินกู้รายละไม่เกิน 200,000 บาท ไม่คิดดอกเบี้ยปีที่ 1 – 2 และตั้งแต่ปีที่ 3 เป็นต้นไป คิดดอกเบี้ยในอัตรา MRR-2 (4.50% ต่อปี) ระยะเวลาจ่ายเงินกู้ถึง 31 ธันวาคม 2563
“ธ.ก.ส.ได้สนับสนุนสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในช่วงวิกฤตภัยแล้งแล้วกว่า 30,000 ราย เป็นเงินกว่า 4,600 ล้านบาท คือ สินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน 110 ล้านบาท เกษตรกร 2,315 ราย สินเชื่อฟื้นฟูและพัฒนาคุณภาพชีวิต 3,766 ล้านบาท เกษตรกร 21,658 ราย และ สินเชื่อเพื่อพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรฯ 809 ล้านบาท เกษตรกร 6,123 ราย”