อนาคตเชื้อเพลิงชีวภาพ ภายใต้วิกฤติโควิด-19

08 มิ.ย. 2563 | 23:45 น.

วิกฤติโควิด-19 ทำให้ความต้องการน้ำมันในตลาดโลกลดลงมากถึง 30% ในเดือนเมษายนปีนี้ และน่าจะลดลงต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปีนี้ โดยองค์การพลังงานสากล (IEA) ประเมินว่าจะลดลงทั้งปีประมาณ 10% จากปีที่แล้ว

จากความต้องการที่ลดลงดังกล่าวประกอบกับการเติบโตของเศรษฐกิจโลกปีนี้มีแนวโน้มติดลบ 3% ทำให้ราคาน้ำมันลดลงจากปีที่แล้วมากถึง 50% ทั้งน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูป จนทำให้ราคาเชื้อเพลิงจากฟอสซิล (เบนซิน/ดีเซล) มีราคาถูกกว่าเชื้อเพลิงชีวภาพ (เอทานอล/ไบโอดีเซล) มาก

ยกตัวอย่างน้ำมันเบนซินและดีเซลของไทย ราคาหน้าโรงกลั่นอยู่ที่ประมาณ 8 บาท/ลิตร แต่ราคาเอทานอลอยู่ที่ 23.28 บาท/ลิตร และราคาไบโอดีเซลบี100 อยู่ที่ 25.01 บาท/ลิตร เป็นต้น

สถานการณ์เช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะประเทศไทยเท่านั้น แต่เกิดขึ้นกับเชื้อเพลิงชีวภาพทั่วโลก ที่ถูกกดดันจากต้นทุนที่สูงกว่าราคาเชื้อเพลิงฟอสซิลอยู่ในขณะนี้ โดยเฉพาะในภูมิภาคลาตินอเมริกาที่มีความต้องการเชื้อเพลิงชีวภาพสูงเกือบ 25% ของความต้องการเชื้อเพลิงชีวภาพของโลก

ในปี พ.ศ 2560  ภูมิภาคลาตินอเมริกามีสัดส่วนความต้องการเชื้อเพลิงด้านการขนส่งของโลกต่ำกว่า 8% แต่กลับมีสัดส่วนความต้องการเชื้อเพลิงชีวภาพสูงถึง 23% ของความต้องการเชื้อเพลิงชีวภาพของโลก โดยมีอาร์เจนตินาและบราซิลเป็นตลาดใหญ่ที่สุด

ปัจจุบันผู้ผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพทั้งในอาร์เจนตินาและบราซิลกำลังเผชิญหน้ากับความต้องการที่ลดลงและราคาที่ตกต่ำทั้งในตลาดภายในประเทศและตลาดส่งออก โดยเฉพาะผู้ผลิตเอทานอลในบราซิลกำลังถูกกระหน่ำจากราคาน้ำมันเบนซินที่ลดลงจนทำให้เอทานอล 100% (unblended ethanol) ที่ขายในปั้มเพื่อผสมกับน้ำมันเบนซินตามที่ผู้บริโภคต้องการ ไม่สามารถแข่งขันกับน้ำมันเบนซินได้

ส่วนอาร์เจนตินาก็เผชิญกับปัญหาอุตสาหกรรมไบโอดีเซลของประเทศ ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับหกของโลกมีกำลังการผลิตที่ล้นตลาด เพราะตลาดในประเทศที่ใช้ไบโอดีเซลผสมในน้ำมันดีเซลที่ 10% (B10) มีปริมาณการใช้ไม่เพียงพอที่จะรองรับกำลังการผลิตทั้งหมดได้ จึงต้องพึ่งพาตลาดส่งออก 

แต่การส่งออกก็มีปัญหาข้อพิพาทการค้าระหว่างประเทศ นำมาซึ่งการจำกัดการส่งออกโดยระบบโควตา ยิ่งมาเผชิญกับวิกฤติโควิด-19 ก็คาดว่าความต้องการทั้งในประเทศและการส่งออกจะลดลงมากถึง 30% จนทำให้กำลังการผลิตส่วนเกินในปีนี้พุ่งขึ้นสูงถึง 60% เลยทีเดียว

อนาคตเชื้อเพลิงชีวภาพ  ภายใต้วิกฤติโควิด-19

สำหรับประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศที่มีสัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพในภาคขนส่งสูงเป็นอันดับ 10 ของโลก และอันดับ 1 ในเอเซีย (6.5% ในปีค.ศ. 2017) ถึงแม้จะได้รับผลกระทบจากความต้องการและราคาน้ำมันที่ลดลงเช่นเดียวกัน แต่ด้วยนโยบายที่ชัดเจนในการส่งเสริมเชื้อเพลิงชีวภาพของกระทรวงพลังงาน และการสนับสนุนเชื้อเพลิงชีวภาพผ่านกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง จึงทำให้เชื้อเพลิงชีวภาพในบ้านเราไม่ได้รับผลกระทบมากเหมือนในภูมิภาคอื่นๆ

อย่างไรก็ตาม การบริหารจัดการนโยบายเชื้อเพลิงชีวภาพอย่างชาญฉลาด โดยการลดชนิดของเชื้อเพลิงชีวภาพที่ไม่จำเป็น เช่น แก๊สโซฮอล์ 91 แก๊สโซฮอล์ E85 และไบโอดีเซล B20 ตลอดจนลดเงินอุดหนุนเชื้อเพลิงชีวภาพลง เพื่อให้มีการปรับปรุงประสิทธิภาพเพื่อแข่งขันกับเชื้อเพลิงชีวภาพในต่างประเทศได้ จึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง

อย่าปล่อยให้อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพของเราเป็น “เฒ่าทารก” อย่างนี้ตลอดไป !!!

หน้า 9 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,579