ป.ป.ช.ฟัน “นายก อบจ.ปราจีน-พวก” ฮั้วเอกชน ซ่อมถนน-ขุดคลอง 52 ล้าน

21 พ.ค. 2563 | 05:26 น.

ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด “บังอร วิลาวัลย์” นายก อบจ.ปราจีนบุรี กับ พวก ส่อฮั้วเอกชน ก่อสร้างงานซ่อมแซมถนน-สะพาน—ขุดลอกคลอง 15 โครงการกว่า 52 ล้านบาท เรียกรับเงิน 8-9% จากราคากลาง ส่งสำนวนให้อัยการฟ้องศาลแล้ว

คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาสำนวนไต่สวนข้อเท็จจริงเรื่องกล่าวหา นางบังอร วิลาวัลย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี (อบจ.ปราจีนบุรี) กับพวก กระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ เกี่ยวกับโครงการก่อสร้างขององค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี จำนวน 15 โครงการ วงเงินเกือบ 53 ล้านบาท เรียกรับเงิน 8-9% จากราคากลาง

21 พฤษภาคม 2563 นายนิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช.แถลงความคืบหน้าของเรื่องว่า ปรากฏข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เมื่อปี พ.ศ. 2555 ขณะที่นางบังอร วิลาวัลย์ ดำรงตำแหน่ง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี (นายก อบจ.ปราจีนบุรี) ได้ประกาศประมูลจ้างเหมาก่อสร้างและซ่อมแซมถนน งานซ่อมแซมคอสะพาน งานขุดลอกคลอง ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 15 โครงการ วงเงิน 52,522,000 บาท โดยนางบังอร ได้จัดประชุมนอกรอบโดยเรียก รองนายก อบจ., เลขานุการนายก อบจ., และสมาชิกสภา อบจ.ปราจีน เพื่อแจ้งให้ทราบว่า แต่ละอำเภอจะได้โครงการก่อสร้างในเขตพื้นที่กี่โครงการ โครงการอะไรบ้าง

ต่อมา นางบังอร นายก อบจ. ปราจีนบุรี ได้มอบหมายตัวแทนไปประชุมกับตัวแทนผู้รับเหมาในเขตพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรีเพื่อตกลงแบ่งงานโครงการก่อสร้างทั้ง 15 โครงการ ให้กับผู้รับเหมาก่อสร้าง และเมื่อจัดสรรงานให้กับผู้รับเหมาก่อสร้างรายใดแล้ว ผู้รับเหมาก่อสร้างต้องจ่ายเงินค่าฮั้วประมูลเป็นเงิน 8 - 9 %ของราคากลางจึงจะสามารถซื้อเอกสารประมูลการจ้าง ยื่นเอกสารประมูลจ้าง และได้เป็นผู้ชนะการประมูลทำสัญญาจ้างกับอบจ.ปราจีนบุรีได้ โดยนางบังอร ได้มอบหมายให้นายสถิต เนมียะ เลขานุการนายก อบจ.ปราจีนบุรี เป็นผู้รับเงินค่าฮั้วงานทั้ง 15 โครงการดังกล่าว

ต่อมาในระหว่างวันที่ 5 - 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 ซึ่งเป็นวันเวลาราชการที่มีการขายเอกสารประมูลจ้างทั้ง 15 โครงการดังกล่าว นายเต็มพงษ์ ฤทธิ์เดช สมาชิกสภา อบจ.ปราจีนบุรีกับพวก ซึ่งเป็นบุคคลที่ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการขายเอกสารประมูลจ้างได้แยกย้ายกันอยู่โดยรอบสำนักงาน อบจ.ปราจีนบุรี และห้องขายเอกสารประมูลจ้าง โดยแบ่งหน้าที่กันทำเพื่อคอยกีดกันขัดขวางไม่ให้ผู้ที่สนใจเข้าซื้อเอกสารประมูลจ้างได้ รวมทั้งเสนอให้รับเงินตอบแทนเป็นค่าใช้จ่ายแล้วไม่ต้องเข้าซื้อเอกสารประกวดราคาจนทำให้ผู้รับเหมาก่อสร้างรายอื่นต้องตกลงยินยอมจะรับเงินโอนเข้าบัญชีเป็นค่าใช้จ่ายแล้วก็กลับออกไปโดยไม่ซื้อเอกสารประกวดราคา

ผลจากการกีดกันขัดขวางการเข้าซื้อเอกสารประกวดราคาดังกล่าว ทำให้มีผู้เข้าซื้อเอกสารประกวดราคาจำนวนไม่กี่ราย โดยทั้ง 15 โครงการจะมี ห้างหุ้นส่วนจำกัด จำนวน 2 ห้าง ซื้อเอกสารทุกโครงการ ในลักษณะเป็นเพียงคู่เทียบเสนอราคา และในแต่ละโครงการจะมีผู้รับเหมาก่อสร้างอีกหนึ่งรายที่จะซื้อเอกสารประกวดราคาเพียง1 – 3 โครงการ ในวันที่กำหนดให้ผู้ซื้อเอกสารประมูลจ้างทั้ง 15 โครงการ มาดูสถานที่ตามโครงการและรับฟังคำชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติม แต่ไม่ปรากฏว่าผู้ซื้อเอกสารทั้ง 15 โครงการ ได้มาดูสถานที่ตามที่กำหนดในเงื่อนไขในประกาศองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรีแต่อย่างใด

ต่อมาในวันที่ 29 และวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 ได้มีการเสนอราคาแข่งขันกันด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ปรากฏว่าผู้เสนอราคาได้มีการเสนอราคากันเพียงครั้งเดียว โดยไม่มีการเสนอราคาแข่งขันกันตามปกติวิสัยของวิญญูชนทั่วไปที่ประกอบกิจการรับเหมาก่อสร้างที่มุ่งหวังในการชนะการแข่งขันเสนอราคา โดยห้างหุ้นส่วนจำกัดทั้ง 2 รายที่ซื้อเอกสารประมูลจ้างและเข้าร่วมแข่งขันเสนอราคาทั้ง 15 โครงการ ไม่ชนะการเสนอราคาทั้ง 15 โครงการ แต่จะมีผู้รับเหมารายที่ตกลงไว้ที่ซื้อเอกสารประกวดราคาเพียง 1 - 3 โครงการ เป็นผู้ชนะการเสนอราคา โดยหากซื้อโครงการใดก็จะเป็นผู้ชนะการเสนอราคาโครงการนั้น

ต่อมานายศิริศักดิ์ พลากุลมณฑล รองนายก อบจ.ปราจีนบุรี ปฏิบัติราชการแทน นางบังอร นายก อบจ.ปราจีนบุรี ได้ลงนามอนุมัติให้มีการสั่งจ้างในวันที่เสนอรายงานผลการพิจารณาประกวดราคา จากนั้นได้เรียกผู้ชนะการเสนอราคามาทำสัญญาจ้างกับอบจ.ปราจีนบุรี 

ในระหว่างการขายเอกสารประกวดราคาเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 ตำรวจภูธรภาค 2ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบร่วมกับตัวแทนห้างหุ้นส่วนจำกัดแห่งหนึ่ง เข้าซื้อเอกสารประมูลงานก่อสร้าง 15 โครงการดังกล่าว แต่กลับถูกนายเต็มพงษ์ ฤทธิ์เดช กับพวก ขัดขวางมิให้เข้าซื้อเอกสาร โดยนายเต็มพงษ์ ได้เสนอเงินให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบเพื่อมิให้เข้าซื้อเอกสารประมูลงาน เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบไม่สามารถซื้อเอกสารประมูลงานได้ ต่อมาพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานและ ขอออกหมายจับนายเต็มพงษ์ ฤทธิ์เดช กับพวก ในความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 และตำรวจภูธรภาค 2 ได้มีหนังสือถึงนายก อบจ.ปราจีนบุรี แจ้งว่า ในการขายเอกสารประกวดราคามีการกระทำผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 องค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี จึงได้มีหนังสือไปยังผู้รับจ้างทั้ง 15 โครงการ บอกเลิกสัญญาจ้าง

คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงแล้วมีมติว่า การกระทำของนางบังอร มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงาน เรียกรับทรัพย์สิน สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต และฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 มาตรา 151 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้หรือกระทำการใด ๆ โดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม เพื่อเอื้ออำนวยแก่ผู้เข้าทำการเสนอราคารายใดให้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 12 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และมีมูลความผิดฐานปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่หรือประพฤติตนฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน ตามพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 79

การกระทำของนายศิริศักดิ์ พลากุลมณฑล มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 และตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 12 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และมีมูลความผิด ตามพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 79

การกระทำของนายสถิตย์ เนมียะ มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554  มาตรา 123/1 ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 192 และตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 มาตรา 151 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 และตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 5 วรรคสอง และมาตรา 12

การกระทำของห้างหุ้นส่วนจำกัดและหุ้นส่วนผู้จัดการ ที่ตกลงร่วมกันในการเสนอราคา จำนวนรวม 19 ราย มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการและกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542

ให้ส่งรายงานไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีกับผู้ถูกกล่าวหา และไปยังผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอน เพื่อดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจ