ดีอีเอส แจง ครม.เลื่อนบังคับใช้ "พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล" ออกไป 1 ปี

19 พ.ค. 2563 | 06:01 น.

รมว.ดีอีเอส แจง ครม. เลื่อนบังคับใช้ "พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล" บางมาตรา ออกไป 1 ปี จากผลกระทบโควิด-19 ย้ำประชาชนอย่าวิตก ไม่ใช่การล้วงข้อมูลของบุคคล

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยถึงมติ ครม.ที่อนุมัติในหลักการ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหน่วยงานและกิจการที่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลไม่อยู่ภายใต้บังคับแห่ง พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 ว่า

สาระสำคัญคือการขยายเวลาการบังคับใช้บทบัญญัติบางมาตราของ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ออกไปอีก 1 ปี จากเดิมที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 27 พ.ค.63 นี้ โดยจะยังไม่นำมาบังคับใช้ตั้งแต่ 27 พ.ค.63-31 พ.ค.64

ดีอีเอส แจง ครม.เลื่อนบังคับใช้ "พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล" ออกไป 1 ปี

ทำให้ผู้ที่มีข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ที่ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ข้อมูลพนักงาน คู่ค้า หรือผู้ร่วมดำเนินงาน ทั้งในภาครัฐและเอกชน มีเวลาเตรียมความพร้อมในการจัดทำหรือปรับปรุงกระบวนการทำงาน และระบบงานของหน่วยงาน เพื่อรองรับมาตรการ คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ที่กำหนดไว้ในกฎหมายให้ครบถ้วนสมบูรณ์ ซึ่งต้องใช้งบประมาณและบุคลากรจำนวนมากเข้ามาดำเนินการ เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าตั้งแต่ต้นปีทั่วโลกและประเทศไทยต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ทุกองค์กรได้รับผลกระทบและยังไม่พร้อม โดยเฉพาะภาคธุรกิจเอกชนที่มีปัญหาเรื่องรายได้และการลงทุน 

“รัฐบาลและท่านนายกฯ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้รับทราบถึงข้อจำกัดนี้ และได้รับฟังข้อเรียกร้องจากกลุ่มสมาคมและภาคธุรกิจต่างๆ จึงได้สั่งการให้หน่วยที่เกี่ยวข้องไปหาแนวทางดูแล เพื่อให้สอดคล้องกับสิ่งที่รัฐบาลทำอยู่ นั่นก็คือ การช่วยเหลือ ลดภาระ และบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนทุกกลุ่มให้มากที่สุด ซึ่งที่ผ่านมาก็มีมาตรการสำหรับภาคธุรกิจหลายอย่าง เช่น มาตรการด้านประกันสังคม กองทุนและแรงงาน มาตรการภาษี รวมถึงวันนี้ที่ ครม.ได้อนุมัติอีกหนึ่งมาตรการคือ การขยายเวลาบังคับใช้ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล บางมาตราออกไปก่อนด้วย”

ทั้งนี้บทบัญญัติที่ยังไม่บังคับใช้ในวันที่ 27 พ.ค.63 ได้แก่ หมวด 2 การ คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หมวด 3 สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หมวด 5 การร้องเรียน หมวด 6 ความรับผิดทางแพ่ง หมวด 7 บทกำหนดโทษ และมาตรา 95 ของบทเฉพาะกาล ซึ่งเป็นเรื่องของการเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเดิม
โดยหากบังคับใช้จริง หน่วยงานของรัฐ ผู้ประกอบธุรกิจทุกประเภทและทุกขนาด และประชาชนทั่วไปที่มีการเก็บรวบรวม ใช้และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลจะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ปรับปรุงกระบวนงานและระบบสารสนเทศ เพื่อวิเคราะห์ จำแนก ระบุที่มาของข้อมูล จัดเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย หรือลบข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อพ้นกำหนด จ้างบุคคลหรือนิติบุคคลมาดูแลตรวจสอบการ คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และปรับปรุงระบบเพื่อคุ้มครองการส่งข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ เป็นต้น หากใครฝ่าฝืนทั้งที่ตั้งใจหรือไม่ จะมีโทษทั้งทางอาญาและปกครอง เช่น จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับสูงสุดถึง 5,000,000 บาท ส่วนหมวดอื่น ๆ ได้แก่ มาตรา 1-7, หมวด 1, หมวด 4 และมาตรา 91-94 นั้นมีผลบังคับใช้ไปแล้วตั้งแต่ 28 พ.ค.62 โดยหลังจากนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็จะเร่งออกกฎหมายลำดับรองเพื่อกำหนดรายละเอียดที่ชัดเจนต่อไป

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง 

เช็กที่นี่ "22กิจการ" รอด1ปี เลื่อนบังคับใชั "พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล"

ครม.เคาะตั้งบอร์ด 10 อรหันต์ ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

 

 

“ไม่อยากให้พี่น้องประชาชนรู้สึกกังวลต่อกฎหมายฉบับนี้ เพราะยืนยันว่ากฎหมายนี้คือ หลักเกณฑ์กลางเพื่อ คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ให้ถูกละเมิด ตามหลักสากล จึงไม่ใช่การไปล้วงข้อมูลของบุคคลใด ตามที่มีการลือและแชร์กันในสื่อออนไลน์แต่อย่างใด และจากนี้ยังมีเวลาเตรียมพร้อมก่อนกฎหมายบางมาตราจะมีผลบังคับใช้ในอีก 1 ปีข้างหน้า” นายพุทธิพงษ์ กล่าว