ยอดขายรถแดนมังกร Q1 วูบหนัก แบรนด์จีนเบียดแบรนด์ญี่ปุ่นกระเด็น

17 พ.ค. 2563 | 07:45 น.

ยอดขายรถยนต์ในจีนวิกฤติ ไตรมาสแรกยอดวูบกว่า 45% ผลพวงโควิด-19 คนซื้อรถยนต์ลดลง แบรนด์จีนเบียดแบรนด์ญี่ปุ่นกระเด็น จากราคาถูกกว่า 30-40%

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ(สคต.หรือทูตพาณิชย์) ณ เมืองกวางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน อ้างอิงข้อมูลสื่อจีนรายงานวิเคราะห์ตลาดรถยนต์ส่วนบุคคลในจีนพบว่า ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2563 ตลาดรถยนต์ส่วนบุคคลของจีนได้เข้าสู่ภาวะวิกฤติ เนื่องจากการแพร่ระบาดอย่างหนักของเชื้อโควิด-19 ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์และเดือนมีนาคมที่ผ่านมาส่งผลให้ปริมาณการขายรถยนต์อยู่ที่ 2.877 ล้านคัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึงร้อยละ 45.4

 

 โรงงานผลิตรถยนต์หลายแห่งได้หยุดการผลิตลงก่อนวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2563 และส่วนหนึ่งยังคงเดินสายการผลิตไม่ถึงร้อยละ 20 ทั้งนี้ยอดขายจากตัวแทนจำหน่ายยังลดลงจากเดิมถึงร้อยละ 78 ส่งผลให้ตลาดรถยนต์ส่วนบุคคลในจีนเข้าสู่ภาวะวิกฤติ แม้ว่าในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมาจีนสามารถควบคุมการระบาดของเชื้อโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อุตสาหกรรมต่างๆ เริ่มกลับมาเดินสายการผลิต รวมทั้งตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ต่าง ๆ ทั่วประเทศต่างกลับมาเปิดบริการตามปกติถึงร้อยละ 96 แต่จำนวนผู้บริโภคที่สนใจซื้อรถยนต์กลับมีเพียงร้อยละ 60 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562

 

ยอดขายรถแดนมังกร Q1 วูบหนัก แบรนด์จีนเบียดแบรนด์ญี่ปุ่นกระเด็น

 

ตามรายงานจากการเปรียบเทียบอัตราการเติบโตของยอดขายในเมืองต่าง ๆ ทั่วประเทศจีนตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนมีนาคม 2563 พบว่ามณฑลกานซูเขตปกครองตนเองทิเบต มณฑลชิงไห่ มณฑลเหลียวหนิง มณฑลจี๋หลินและมณฑลหูหนาน มียอดขายลดลงเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น ๆ เนื่องจากผู้บริโภค ส่วนใหญ่เลือกใช้รถขนส่งสาธารณะมากกว่ารถยนต์ส่วนบุคคล ทำให้ยอดขายรถยนต์ในภูมิภาคดังกล่าวต่ำกว่าภูมิภาคอื่น ๆ ในประเทศจีน

จากการเปรียบเทียบส่วนแบ่งทางการตลาดของแต่ละภูมิภาคเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วพบว่าในช่วงที่มีการระบาดของเชื้อโควิด-19 ส่วนแบ่งทางการตลาดของแบรนด์ไฮเอนด์กลับเพิ่มขึ้น ในภาคตะวันออกและภาคใต้ของประเทศจีน จากรายงานยังพบว่าผู้ใช้รถในภูมิภาคดังกล่าวนั้นมีความต้องการในการเปลี่ยนรถยนต์รุ่นใหม่เรื่อย ๆ ส่วนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันตกเฉียงเหนือ และภาคเหนือของประเทศจีนนั้นพบว่า ส่วนแบ่งทางการตลาดส่วนใหญ่จะเป็นแบรนด์จีน และแบรนด์ร่วมทุนจากต่างชาติ เนื่องจากราคาที่ดึงดูด รถยนต์แบรนด์ร่วมทุนจากต่างชาติและแบรนด์จีนจึงเป็นทางเลือกแรก ๆ สำหรับ ผู้บริโภคส่วนใหญ่ที่ต้องการซื้อรถคันแรก รถยนต์แบรนด์จีนกลายเป็นตัวเลือกแรก ๆ สำหรับผู้ใช้รถยนต์

 

ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2563 จากรายงานพบว่ารถยนต์แบรนด์จีนเป็นตัวเลือกแรกสำหรับผู้บริโภคที่ซื้อรถยนต์คันแรก เนื่องจากแบรนด์จีนนั้นมีข้อได้เปรียบด้านราคา โดยเมื่อเทียบราคารถยนต์แบรนด์จีนกับแบรนด์ญี่ปุ่นใน ท้องตลาดอย่าง Toyota, Honda, Nissan และ Izuzu พบว่ารถยนต์แบรนด์จีนมีราคาต่ำกว่าถึงร้อยละ 30-40

 

รถยนต์ยี่ห้อ Hongqi (หง ฉี) ในไตรมาสแรกของปี2563 นั้น มียอดขายรวมเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 98 แม้ว่าในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านจะเป็นช่วงของการระบาดอย่างหนักของเชื้อโควิด 19 แต่ยอดขายกลับลดลงเพียงร้อยละ 15 เท่านั้น รายงานชี้ให้เห็นว่าบริษัทต่าง ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดในครั้งนี้มีการจัดการการฟื้นตัวอย่างไร ซึ่งถือเป็นความท้าทายอย่างมาก

 

ยอดขายรถแดนมังกร Q1 วูบหนัก แบรนด์จีนเบียดแบรนด์ญี่ปุ่นกระเด็น

 

อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่ยอดขายรถยนต์แบรนด์จีนยังคงสูงนั้น ส่วนหนึ่งมีสาเหตุมาจากการกระตุ้นยอดขายหลังวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 โดยหน่วยงานท้องถิ่นของเทศบาลนครเซี่ยงไฮ้เปิดเผยว่า นครเซี่ยงไฮ้ได้เพิ่มโควตาป้ายทะเบียนยานพาหนะประเภทที่ไม่ใช้ในเชิงพาณิชย์ประจำปี จำนวน 40,000 ป้าย เพื่อกระตุ้นยอดขายรถยนต์ ขณะเดียวกันเซี่ยงไฮ้ยังส่งเสริมรถยนต์พลังงานใหม่ (NEVs) ซึ่งไม่ได้อยู่ภายใต้ข้อจำกัดเรื่องป้ายทะเบียนรถยนต์ ผู้บริโภคในเซี่ยงไฮ้ที่ซื้อรถยนต์พลังงานใหม่ไม่เพียงแต่จะได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลกลางและการยกเว้นภาษีซื้อยานยนต์แต่ยังจะได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลนครเซี่ยงไฮ้อีก 5,000 หยวน สำหรับค่าใช้จ่ายในการชาร์จพลังงานของรถอีกด้วย

สคต. ณ เมืองกวางโจว ชี้ว่า อุตสาหกรรมรถยนต์ทั่วโลกต่างก็ต้องเผชิญกับภาวะกดดันอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั้งจากการขาดแคลนชิ้นส่วนการผลิต และความต้องการซื้อที่ลดลงอย่างมาก แต่ในประเทศจีนเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ให้เห็นบ้างแล้ว โดยจากรายงานข้างต้นพบว่า ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2563 รถยนต์ แบรนด์จีนเป็นตัวเลือกแรกสำหรับผู้บริโภคที่ซื้อรถยนต์คันแรก เนื่องจากแบรนด์จีนนั้นมีข้อได้เปรียบด้านราคาเป็นผลมาจากความพยายามของภาคเอกชนและรัฐบาลจีนตลอดหลายปีที่ผ่านมาในการผลักดันรถยนต์สัญชาติจีนให้ขึ้นมาแข่งขันได้ในตลาดโลก ซึ่งจะส่งผลทั้งด้านบวกและลบต่อการส่งออกรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ของประเทศไทย

 

ทั้งนี้เนื่องจากหากยอดขายรถยนต์ต่างชาติในจีนลดลงย่อมหมายถึงไทยซึ่งเป็นฐานการผลิตของรถยนต์แบรนด์ต่างชาติหลาย ๆ แบรนด์จะสามารถส่งออกสินค้าได้น้อยลงตามไป แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นโอกาสที่ดีที่ไทยควรจะเริ่มดึงดูดการลงทุนของค่ายรถสัญชาติจีนที่มีศักยภาพให้เข้ามาลงทุนผลิตรถยนต์ในไทยเพิ่มขึ้น เป็นการผันตนเองให้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่รถยนต์สัญชาติจีนแทนการเป็นคู่แข่งขันในตลาดโลก