ปารีส, 8 พ.ค. สำนักข่าวซินหัว รายงานว่าโรงพยาบาลแห่งหนึ่งทางตะวันออกของฝรั่งเศสเปิดเผยว่า ผู้ป่วยต้องสงสัยว่าเป็นโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) รายแรกๆ ในฝรั่งเศส อาจย้อนกลับไปได้ถึงเมื่อวันที่ 16 พ.ย. 2019 หรือราว 9 สัปดาห์ก่อนที่จะมีการยืนยันผู้ป่วยโรคโควิด-19 รายแรกของประเทศ
“แพทย์มิเคล ชมิตต์ (Michel Schmitt) หัวหน้าแผนกการถ่ายภาพทางการแพทย์ โรงพยาบาลอัลแบร์ต ชไวเซอร์ (Albert Schweitzer) ในเมืองกอลมาร์ (Colmar) ทางตะวันออกของฝรั่งเศส ได้ตรวจผลการสแกนทรวงอกจำนวน 2,456 ครั้ง ระหว่างวันที่ 1 พ.ย. 2019-30 เม.ย. 2020 ซึ่งเป็นการสแกนสำหรับทุกสาเหตุ (ไม่ว่าจะเป็นภาวะผิดปกติด้านหัวใจ ปอด การบาดเจ็บ เนื้องอก)”
โรงพยาบาลฯ ระบุในเอกสารแถลงผลการสแกนทั่วไปที่สอดคล้องกับลักษณะของการติดเชื้อโรคโควิด-19 นั้นได้รับการตรวจสอบในรอบที่ 2 และ 3 โดยนักรังสีวิทยาที่มีประสบการณ์รายอื่นอีก 2 คน โดยผลการศึกษาย้อนหลังครั้งนี้ชี้ว่า การระบุตัวผู้ป่วยรายแรกที่มีการปนเปื้อนของไวรัสโรคโควิด-19 สามารถย้อนกลับไปได้ถึงวันที่ 16 พ.ย. ที่โรงพยาบาลแห่งนี้
โรงพยาบาลฯ เสริมว่าขณะนี้ได้ประสานความร่วมมือกับศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์แห่งชาติของฝรั่งเศส (National Center for Scientific Research) เพื่อเริ่มการศึกษาทางระบาดวิทยาของผลลัพธ์เหล่านี้แล้ว
ก่อนการแถลงครั้งนี้ มีการระบุตัวผู้ป่วยโรคโควิด-19 รายแรกในภาคตะวันออกของฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ โดยเป็นชายวัย 36 ปี ซึ่งเดินทางกลับจากท่องเที่ยวที่แคว้นลอมบาร์ดีในอิตาลี ซึ่งขณะนั้นเป็นจุดเสี่ยงแพร่เชื้อ
ส่วนการยืนยันพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 อย่างเป็นทางการรายแรกในฝรั่งเศส เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 ม.ค. โดยเป็นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มคนที่เพิ่งเดินทางกลับมาถึงหรือไปจีนมาก่อนหน้านั้นไม่นาน
ทั้งนี้ ศูนย์วิทยาศาสตร์และวิศวกรรมเชิงระบบ (CSSE) มหาวิทยาลัยจอห์นส ฮอปกินส์ รายงานว่าฝรั่งเศสมีผู้ป่วยโรคโควิด-19 อยู่ที่ 174,918 ราย และผู้เสียชีวิต 25,990 ราย เมื่อนับถึงเวลา 16.30 น. ของวันศุกร์ (8 พ.ค.) ตามเวลาประเทศไทย
เนื่องจากตัวเลขข้อมูลการเข้ารับการรักษาของผู้ป่วยโรคโควิด-19 ชะลอตัวต่อเนื่อง รัฐบาลฝรั่งเศสจึงประกาศเมื่อวันพฤหัสบดี (7 พ.ค.) ว่าจะเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ที่ดำเนินมาเกือบ 2 เดือน โดยจะเริ่มตั้งแต่วันจันทร์นี้ (11 พ.ค.) เป็นต้นไป