ดีเดย์ รถไฟฟ้าขบวนแรก “สายสีชมพู” ต.ค.63

27 เม.ย. 2563 | 13:19 น.

รฟม. ลงพื้นที่ก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย - มีนบุรี คืบหน้า 54% เตรียมรองรับรถไฟฟ้าขบวนแรกเข้าไทย เดือน ต.ค.63 หวังเปิดให้บริการตามแผนปี 64

นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข  รองผู้ว่าการ (วิศวกรรมและก่อสร้าง) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.)   เปิดเผยว่า โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย - มีนบุรี เริ่มดำเนินการก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2561 โดยขณะนี้โครงการฯ มีความก้าวหน้าการก่อสร้างรวมกว่า 54% แบ่งเป็นงานโยธา 55.62% และงานระบบรถไฟฟ้า 49.95% (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2563)

ในการตรวจความก้าวหน้าในครั้งนี้ รฟม. ได้กำชับให้ดำเนินการก่อสร้างให้เป็นไปตามแผนและระยะเวลาที่กำหนดไว้ และต้องปรับแผนก่อสร้างเพื่อลดผลกระทบจากปัญหาในช่วงสถานการณ์ COVID-19 อย่างเต็มที่  ทั้งนี้ได้วางเป้าหมายการเปิดให้บริการโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย - มีนบุรี ให้ประชาชนได้ใช้ภายในเดือนตุลาคม 2564 โดยช่วงแรกวางแผนจะทยอยเปิดบริการตามความก้าวหน้าของการก่อสร้างต่อไป

 

นายสุรเชษฐ์  กล่าวต่อว่า  ที่ผ่านมาโครงการฯ ได้ดำเนินงานในส่วนของโครงสร้างฐานรากแล้วเสร็จ และอยู่ในระหว่างเร่งดำเนินงานในส่วนที่เป็นระดับพื้นดิน เช่น การดำเนินงานก่อสร้างในส่วนของสถานีต่างๆ การติดตั้งคานทางวิ่ง (Guideway Beam) และ ทางเดินฉุกเฉิน (Evacuation Walkway) ซึ่งจะติดตั้งที่ด้านข้างของคานทางวิ่ง เพื่อเป็นทางเดินเท้าที่ใช้ในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน ขณะเดียวกันได้มีการดำเนินการในส่วนงานโยธาของสถานีต่างๆ ไปแล้วจำนวน 28 สถานี (ข้อมูลสรุป ณ เดือนมีนาคม 2563)


ดีเดย์ รถไฟฟ้าขบวนแรก “สายสีชมพู” ต.ค.63

สำหรับการลงพื้นที่ดูความคืบหน้าการก่อสร้างสถานีมีนบุรี ซึ่งเป็น 1 ใน 4 สถานีสำคัญที่น่าสนใจ ทำหน้าที่เป็นฟีดเดอร์ในการเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย - มีนบุรี (สุวินทวงศ์) โดยเชื่อมต่อกันระหว่างชั้นจำหน่ายบัตรโดยสาร (Concourse Level) ชั้น 1 ของรถไฟฟ้าสายสีชมพู กับชั้นจำหน่ายบัตรโดยสาร (Concourse Level) ชั้น 2 ของสถานีรถไฟฟ้าสายสีส้ม นอกจากนี้ ได้ชมการสาธิตการทำงานของกระบวนการสับเปลี่ยนรางรถไฟฟ้า (Switching Track) ของรถไฟฟ้าสายสีชมพู ณ บริเวณ ศูนย์ซ่อมบำรุง (Depot)

ดีเดย์ รถไฟฟ้าขบวนแรก “สายสีชมพู” ต.ค.63

ทั้งนี้ขบวนรถตามกำหนดจะเข้ามาถึงประเทศไทยประมาณเดือนตุลาคม 2563 รองรับผู้โดยสาร 28,000 คนต่อชั่วโมง โดยทิศทางภายในห้องโดยสารของขบวนรถจะมีอุปกรณ์ความปลอดภัยที่ครบครัน ทั้งกล้อง CCTV เครื่องตรวจจับควัน ปุ่มติดต่อสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ควบคุมรถ ถังดับเพลิงและที่เปิดประตูฉุกเฉิน

ในส่วนของตู้โดยสาร จะเป็นตู้ Innovia 300 Monorail จาก Bombardier Rail Control Solutions ซึ่งมีความรวดเร็วในการดำเนินงาน มีปริมาณความจุปานกลาง ซึ่งเพียงพอและเหมาะสมกับการเป็นฟีดเดอร์ทำหน้าที่ขนส่งผู้โดยสารจากชานเมือง เชื่อมต่อไปยังรถไฟฟ้าสายหลัก รวมทั้งตัวรถมีน้ำหนักเบากว่าและใช้ล้อยางจึงทำให้มีเสียงรบกวนน้อยกว่ารถไฟฟ้าสายหลักที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งจะช่วยประหยัดพลังงาน มลพิษต่ำ และที่สำคัญมีมาตรฐานความปลอดภัยสูง

 

อย่างไรก็ตามจากการตรวจความคืบหน้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูมีความก้าวหน้าในระดับที่น่าพอใจ แม้จะเป็นในช่วงสถานการณ์โรคระบาด COVID-19 เพราะมีการปรับแผน การทำงานในช่วงกลางวันเพื่อทดแทนช่วงเวลาเคอร์ฟิว ซึ่งทุกส่วนงานร่วมมือกันดำเนินงานอย่างเต็มที่ จึงอยากให้รักษามาตรฐานของการทำงานเช่นนี้ไว้ โดย รฟม.จะมีการลงพื้นที่ตรวจความคืบหน้าการดำเนินงานต่อไป