อสังหาฯ "ผ่อนให้" มาแรง ดันแสนสิริ โกยยอดขายพุ่ง

22 เม.ย. 2563 | 07:34 น.

สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจภายในประเทศ รวมถึงกำลังซื้อ ความมั่นใจในภาคอสังหาริมทรัพย์ด้วย พบหลายบริษัทต้องแก้เกมยอดขายซบเซา ผ่านการงัดกลยุทธ์ทั้งการลดราคา และโปรโมชั่นจูงใจเข้าล่อ รวมถึงแคมเปญยอดฮิต "ผ่อนให้ จ่ายแทน" เพื่อหวังลดภาระให้ผู้ซื้อ ด้าน บมจ.แสนสิริ รั้งเบอร์หนึ่งอสังหาฯ ต่อเนื่อง โชว์ยอดขายพุ่งไม่หยุด โกย 4,200 ล้านบาท ใน 3 สัปดาห์ หลังลูกค้าตอบรับแคมเปญแรง “แสนสิริผ่อนให้ 24 เดือน” เล็งปรับเป้าขายใหม่อีกรอบเป็น 12,000 ล้านบาทในไตรมาส 2

 

นายอุทัย  อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า แสนสิริประสบความสำเร็จในการสร้างยอดขายจากแคมเปญ “แสนสิริผ่อนให้ 24 เดือน” ลูกค้าตอบรับแรง จากการที่ เมื่อจองซื้อที่อยู่อาศัยแล้ว ไม่ต้องมีภาระใดๆ ไปถึง 24 เดือน นำเงินไปใช้จ่ายอย่างอื่นได้ ตัดกังวลใจจากทั้งภาวะเศรษฐกิจหรือการงานมีเวลาเตรียมตัวสบายๆ ยาวไปถึง 2 ปี ส่งผลให้แคมเปญได้รับการตอบรับที่ดี และมียอดขายพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยสามารถสร้างยอดขายในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาได้อีกกว่า 1,700 ล้านบาทรวมกับยอดขายที่ทำได้แล้ว 2,500 ล้านบาท ส่งผลให้ล่าสุดบริษัทมียอดขายในไตรมาส 2 รวมแล้วถึง 4,200 ภายในช่วงระยะเวลาเพียง 3 สัปดาห์ของเดือนเมษายน

นอกจากนี้ปัจจัยสนับสนุน นอกเหนือจากแคมเปญที่ตอบโจทย์ ยังมาจากกลยุทธ์ความแข็งแกร่ง ในการมุ่งมั่นพัฒนาที่อยู่อาศัยที่เข้าใจความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า ทั้งในด้านคุณภาพ ดีไซน์ รวมถึงการบริการหรือ Sansiri Service ในการมอบบริการที่ดีที่สุดทั้งก่อนและหลังการขาย รวมไปถึง LIV-24 ที่ดูแลความปลอดภัยส่งตรงจากศูนย์ควบคุมแบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมงมาตรฐานแสนสิริพร้อมเจ้าหน้าที่พร้อมดูแลทุกจุดในโครงการ พร้อมพริวิเล็จมากมายจากแสนสิริ แฟมิลี่ ซึ่งเมื่อรวมกับการส่งมอบแคมเปญที่เข้าใจใน Customer Insight จากสถานการณ์อสังหาฯที่กลุ่มลูกค้ายังคงมีความต้องการที่อยู่อาศัยต่อเนื่อง ขณะที่มีการตัดสินใจที่มากขึ้น จากสถานการณ์ โควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตบริษัทจึงได้มอบแคมเปญที่สามารถตอบรับความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด ส่งผลให้ได้รับการตอบรับที่ดีและประสบความสำเร็จด้านยอดขายตั้งแต่เริ่มต้นไตรมาส 2   

อสังหาฯ "ผ่อนให้" มาแรง ดันแสนสิริ โกยยอดขายพุ่ง

จากความสำเร็จของแคมเปญ ยังส่งผลให้ ปิดการขายเพิ่มเติมอีก 2 คอนโดมิเนียม ต่อจากการปิดการขายโครงการไทเกอร์ เลน ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาได้แก่ โครงการ ดีคอนโด แคมปัส โดม รังสิต มูลค่าโครงการ 910 ล้านบาท และ เดอะ เบส เพชรเกษม มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาทโดยมีกลุ่มลูกค้าที่ซื้อเก็บจากเหตุผลด้านราคาที่ดีมากและเชื่อมั่นว่าราคาจะสูงขึ้นอีกในอนาคต
 

ด้วยศักยภาพทั้งในด้านจุดเด่นของตัวโครงการและศักภาพของทำเลที่ตั้งและความเชื่อมั่นในการพัฒนาโครงการภายใต้แบรนด์แสนสิริ โดยโครงการดีคอนโด แคมปัส โดม รังสิต ราคาเฉลี่ย 65,000 บาทต่อตารางเมตร มีสัดส่วนกลุ่มลูกค้าจากการปิดการขาย ทั้งซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองและลงทุน ในสัดส่วน 50 : 50% มีอัตราผลตอบแทนต่อการปล่อยเช่า หรือ Yield สูงถึงเกือบ 6%และ เดอะ เบส เพชรเกษม ราคาเฉลี่ย 100,000 บาทต่อตารางเมตร มีสัดส่วนกลุ่มลูกค้าที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองและลงทุน ในสัดส่วน 60 : 40 %และมีอัตราผลตอบแทนต่อการปล่อยเช่า หรือ Yield ถึง 4.5 – 5.5%

นอกจากนี้บริษัทยังประสบความสำเร็จครอบคลุมโปรดักส์ในทุกเซกเมนต์ ทั้งในแนวสูงและแนวราบ โดยจ่อคิวปิดการขายอีก 6 โครงการคอนโดมิเนียมที่ได้รับการตอบรับที่ดี ได้แก่ดีคอนโด กำแพงแสน มียอดขายแล้ว 98% คาดปิดการขายได้ภายในสัปดาห์หน้า,ดีคอนโด หาดใหญ่ มียอดขายแล้วถึง 80%, ลา กาซิตา หัวหิน มียอดขายดี 85%, เดอะ เบส สุขุมวิท 50 ยอดขาย 80%, เดอะ ไลน์ พหลฯ – ประดิพัทธ์ ยอดขาย 85%และเดอะ ไลน์ สุขุมวิท 101 มียอดขายแล้ว 80% ในขณะที่ยอดขายโครงการแนวราบ บ้านเดี่ยว – ทาวน์โฮม สูงขึ้นต่อเนื่องในทุกสัปดาห์และคิดเป็นสัดส่วนถึง 90% จากยอดขายรวม 4,200 ล้านบาทที่ทำได้ในไตรมาส 2

ทั้งนี้ นายอุทัย ยังกล่าวว่า จากความสำเร็จด้านยอดขายอย่างรวดเร็ว บริษัทจึงได้พิจารณาปรับเป้าหมายยอดขายไตรมาส 2 เพิ่มขึ้นอีกครั้งเป็น 12,000 ล้านบาทและเชื่อมั่นว่าจะสามารถก้าวผ่านทุกสถานการณ์ด้วยความแข็งแกร่งได้อย่างแน่นอน