จากกระแสการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโควิด-19 (COVID-19) ส่งผลทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ต้องทำงานที่บ้าน (Work From Home) ประเด็นที่ตามมาก็คือค่าไฟฟ้าที่เพิ่มสูงเป็นเท่าตัวขึ้นจนหลายคนออกปากบ่น แม้ว่าทางคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จะมีมาตรการลดค่าไฟฟ้าให้ 3% ก็ตามที แต่ก็ยังช่วยไม่ได้มาก
ทั้งนี้ ล่าสุดเพจ “โธ่ชีวิตพนักงานไฟฟ้า” ได้โพสต์ข้อความกรณีที่มีเสียงวิจารณ์ว่าค่าไฟฟ้าในช่วงเดือนมีนาคม 2563 สูงขึ้นมากกว่าปกติ ว่า ทำไมค่าไฟฟ้าถึงแพงขึ้น
1.การไฟฟ้า คิดเงินแบบอัตราก้าวหน้ามาตลอด ใช้เยอะจ่ายเยอะ ประโยคนี้คือ ความจริง (จะอ้างไม่รู้ไม่ได้ หรือจะบอกว่าสุดท้ายไฟฟ้าก็เอาเปรียบอยู่ดีไม่ได้ ไฟฟ้าไม่ได้ไปใช้ไฟกับคุณ)
2.ตัวแปรของค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้น คือ หน่วยการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น พูดง่าย ๆ ก็ คือ คุณใช้ไฟฟ้ามากขึ้นเลยทำให้ราคามันก้าวกระโดด
3.หลายคนคงสงสัย ทำไมหน่วยการใช้ไฟฟ้าถึงขึ้นได้มากขนาดนี้? ไฟฟ้ามาทำอะไรกับมิเตอร์รึเปล่า? คำตอบ คือ ไฟฟ้าไม่มีใครไปทำอะไรกับมิเตอร์ลูกค้าหรอก เอาจริง ๆ นะ พนักงานแผนกมิเตอร์จำนวน 7 คน ต่อผู้ใช้ไฟฟ้าหลักแสนราย
ทีนี้เราต้องมาดูพฤติกรรมของตัวเองและคนในบ้าน ที่บอกว่าฉันใช้ไฟเท่าเดิม ลองคิดนะ เปิดแอร์ เวลาเดิมทุกวัน 8.00 - 12.00 คุณเย็นเท่าเดิมจริง แต่ตัวที่ทำให้มิเตอร์ขึ้นหน่วยไวแค่ไหน อยู่ที่คอมเพลสเซอร์ข้างนอก ถ้าอากาศข้างนอกร้อนแค่ไหน หน่วยการใช้ไฟก็ขึ้นไวเท่านั้นเพราะคอมเพลสเซอร์คุณทำงานหนัก ยิ่งถ้าเปิดแอร์พร้อมกันนะ เสียงคอมดังนานแค่ไหนนั่นแหละคือ ทำใจไว้เลย มิเตอร์กำลังหมุนอย่างแรง และ นั่นคือ เงินที่คุณต้องจ่ายไป
เครื่องฟอกอากาศอีก แทบทุกยี่ห่อกินไฟ ลองดูนะที่บอกประหยัดไฟคือไม่ประหยัดเลย ยิ่งเปิดพร้อมแอร์ คูณกำลัง 2 ไปเลย ตู้เย็น เห็นตั้งนิ่ง ๆ แบบนั้น กินไฟเราแบบเงียบ ๆ นะค่ะ หน้าที่ของตู้เย็นคือต้องทำความเย็นในช่องแช่อาหาร ตามอุณภูมิที่เรากำหนด เช่น เราตั้งไว้ที่ 1 องศา หลักการทำงานของมันคือ ต้องทำยังไงก็ได้ให้ 1 องศาตลอดเวลา นั่นก็ คอมเพลสเซอร์หลังตู้เย็นไงที่เป็นตัวทำงาน โดยเปิดตู้เย็นบ่อย ๆ เปลืองไฟจริง เพราะตู้เย็นสูญเสียอุณภูมิตอนเปิด และแช่ของแบบไม่คิด ยัด ๆ เข้าไปก็เปลืองไฟจริง ต้องจัดระเบียบตู้เย็นกันบ้าง
บ้านที่มีปัญหาเรื่องค่าไฟฟ้าส่วนมาก จะมีเครื่องใช้ไฟฟ้าดังนี้ 1.แอร์ พร้อม คอมเพลสเซอร์ ,2.เครื่องฟอกอากาศ ,3.พัดลมไอน้ำ และ4.ตู้เย็น ยิ่งอัดของเยอะ คอมเพลสเซอร์ตู้เย็นที่ดังตลอดเวลานั่นแหละคือ กำลังกินไฟคุณ
ตู้เย็นที่ประหยัดไฟคือตู้เย็นที่แช่แค่เครื่องดื่มไม่เกิน 5 ขวดเท่านั้น ถึงจะได้จ่ายราคาต่อปีตามที่ร้านโฆษณา
สรุปคือ ไฟฟ้าไม่ได้ปรับ หรือ ทำอะไรทั้งนั้น ไม่ได้คิดจะทำอะไรด้วย ไม่ฉวยโอกาสอะไรทั้งนั้น ไฟฟ้าการรันตีราคาให้แบบนี้ ใช้ไปหน่วยที่ 0- 150 หน่วย จ่ายราคาหน่วยละ 3.2484 บาท ,ใช้ไปหน่วยที่ 151 - 400 หน่วย จ่ายราคาหน่วยละ 4.2218 บาท ,ใช้ไปหน่วยที่ 400 ขึ้นไป จ่ายราคาหน่วยนะ 4.4217 บาท
ยกตัวอย่างการคิดแบบคร่าว ๆ
ตัวอย่างที่ 1 ใช้ไฟฟ้าไป 200 หน่วย เราจะคิดค่าไฟแบบนี้ 150 หน่วยแรก × 3.2484 = 487.26 บาท 50 หน่วยที่เหลือ × 4.2218 = 211.09 บาท รวมเป็นเงิน = 698.35 บาท (ราคายังไม่รวม vat 7 % , ค่าบริการ , หักส่วนลดค่า FT)
ตัวอย่างที่ 2 ใช้ไฟฟ้าไป 400 หน่วย เราจะคิดค่าไฟแบบนี้ 150 หน่วยแรก × 3.2484 = 487.26 บาท 250 หน่วยที่เหลือ × 4.2218 = 1,055.45 บาท รวมเป็นเงิน = 1,542.41 บาท (ราคายังไม่รวม vat 7 % , ค่าบริการ , หักส่วนลดค่า FT)
ตัวอย่างที่ 3 ใช้ไฟฟ้าไป 600 หน่วย เราจะคิดค่าไฟแบบนี้ 150 หน่วยแรก × 3.2484 = 487.26 บาท 250 หน่วยถัดมา × 4.2218 = 1,055.45 บาท 200 หน่วยที่เหลือ × 4.4217 = 884.34 บาท รวมเป็นเงิน = 2,427.05 บาท (ราคายังไม่รวม vat 7 % , ค่าบริการ , หักส่วนลดค่า FT)
ตัวอย่างที่ 4 ใช้ไฟฟ้าไป 1,000 หน่วย เราจะคิดค่าไฟแบบนี้ 150 หน่วยแรก × 3.2484 = 487.26 บาท 250 หน่วยถัดมา × 4.2218 = 1,055.45 บาท 600 หน่วยที่เหลือ × 4.4217 = 2,653.02 บาท รวมเป็นเงิน = 4,195.73 บาท(ราคายังไม่รวม vat 7 % , ค่าบริการ , หักส่วนลดค่า FT) พอจะเห็นภาพชัดเจนกันขึ้นไหม ว่าทำไมค่าไฟถึงได้สูงขึ้น