นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 ในครั้งนี้ส่งผลกระทบทั่วโลก และยังทำให้เศรษฐกิจไทยซึ่งเติบโตแบบสโลว์ดาวน์ต้องหยุดชะงักไป อย่างไรก็ดีคาดว่าไตรมาส 2 สถานการณ์ต่างๆจะดีขึ้น ทำให้ห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้ากลับมาเปิดให้บริการได้ในต้นเดือนพฤษภาคมนี้
โดยขณะนี้ได้เตรียมความพร้อมทั้งสุขภาพพนักงาน ความสะอาดของห้าง การจัดเว้นระยะห่างทางสังคม ในการกลับมาเปิดให้บริการในห้างสาขาต่างจังหวัด เช่น นครศรีธรรมราช ฯลฯ นอกจากนี้ยังจัดเตรียมสินค้าทั้งออฟไลน์และออนไลน์ จัดช่วงเวลาพิเศษให้กับผู้สูงอายุ คนพิการ ตั้งครรภ์ ฯลฯ ซึ่งเบื้องต้นประเมินว่า หลังจากเปิดให้บริการ พื้นที่ในการใช้งานจะลดน้อยลง เช่น การจำกัดจำนวนลูกค้าที่ใช้บริการลิฟท์ การเว้นระยะห่างของการใช้บันไดเลื่อน เป็นต้น
“ไตรมาส 1 ที่ผ่านมาเซ็นทรัล รีเทลทั้งหมด ซึ่งประกอบไปด้วยไทย เวียดนาม และอิตาลี มีการเติบโตติดลบเป็นตัวเลข 1 หลัก แต่เมื่อเปรียบเทียบกับเศรษฐกิจหรือคู่แข่ง ถือว่ายังดีกว่ามาก เนื่องจากปฏิบัติตามมาตรการของภาครัฐในการปิดห้าง ส่งผลให้ธุรกิจกลุ่ม non-food 90% ปิดให้บริการ ยอดขายจากหน้าร้านเหลือแค่ 10% ขณะที่กลุ่ม food ยังคงเปิดให้บริการแต่ก็ต้องปฏิบัติตามนโยบายของภาครัฐ แต่เซ็นทรัลเป็นผู้ริเริ่มการทำออมนิ แชนนอลมาก่อน ทำให้สามารถให้บริการได้อย่างดี ทำให้ยอดขายกลุ่ม non – food ยังคงมีการเติบโต 25-30% ขณะที่ช่องทางออนไลน์ เช่น ท็อปส์ ออนไลน์ มีการเติบโต 200-300%”
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ธุรกิจต้องรับมือกับสถานการณ์ในขณะนี้คือ การโฟกัสการจัดการธุรกิจระยะสั้น เพื่อให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด รวมทั้งการเตรียมพร้อมเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจรูปแบบใหม่ การบริหารจัดการกระแสเงินสดอย่างมีประสิทธิภาพ และเมื่อผ่านพ้นวิกฤติโควิด-19 แล้ว จะแข็งแรง และดำเนินธุรกิจต่อใน New Normal อย่างไร